เจ้าบ้าน สปาร์ต้า ปราก เดินทางเข้าสู่รอบนี้ด้วยการเปิดบ้านคว่ำ กาลาตาซาราย ยับเยินถึง 4-1 ขณะที่ผลงานในลีกล่าสุดเพิ่งเปิดรังเสมอกับ สลาเวีย ปราก แบบไร้สกอร์ ส่งผลให้พวกเขาหยุดสถิติการชนะติดต่อกันเอาไว้ที่ 4 เกม ปัจจุบันพวกเขาเป็นจ่าฝูงของตารางลีกในเช็กเกียโดยเพิ่งแพ้ไปเพียงเกมเดียวตลอดทั้งฤดูกาล และพวกเขาไม่แพ้ใครในบ้านด้วยโดยชนะ 11 จาก 12 เกมบนสนามของตัวเอง อย่างไรก็ตามพวกเขาเคยเสมอในบ้านครั้งล่าสุดที่เผชิญหน้ากับ ลิเวอร์พูล ในรายการนี้เมื่อปี 2011 และด้วยศักยภาพที่เป็นรองทางผู้มาเยือน พวกเขาอาจต้องการอย่างน้อยเหมือนเดิมอีกครั้งในเกมนี้เช่นกัน

ข้ามมาที่ทีมเยือน ลิเวอร์พูล พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบนี้ด้วยการคว้าแชมป์กลุ่ม E ด้วยผลงานการเอาชนะ 4 และแพ้ 2 เกม ซึ่งตามความจริงพวกเขากำลังมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลสุดท้ายของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังผงาดคว้าแชมป์แรกในซีซั่นนี้อย่างถ้วย EFL CUP มาครอบครองได้สำเร็จ ขณะที่ผลงานในลีกล่าสุดพลิกนรกยิงประตูชัยในนาทีสุดท้ายของเกม ทำให้พวกเขาเฉือน น็องติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไปด้วยสกอร์ 1-0 ปัจจุบันพวกเขารั้งจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกด้วยการสะสม 63 แต้มหลังผ่าน 27 เกม (ชนะ 19 เสมอ 6 แพ้ 2) นำหน้า อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 2 และ 1 คะแนนตามลำดับ อย่างไรก็ตามด้วยอาการบาดเจ็บที่เพิ่มมากขึ้นของเหล่าบรรดานักเตะ ทำให้พวกเขาจำเป็นจะต้องจัดการเรื่องตัวผู้เล่นในแต่ละเกมอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเกมต่อจากนี้คือการพบกับคู่แข่งแย่งแชมป์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ทั้งสองทีมเคยพบกันมาแล้วสองครั้ง ลิเวอร์พูล บุกไปเอาเสมอ 0-0 ในกรุงปรากเมื่อปี 2554 ก่อนที่จะกลับมาชนะ 1-0 ที่แอนฟิลด์ ขณะที่ผลงานภาพรวมของฝั่งเจ้าบ้านเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมจากอังกฤษ พวกเขาคว้าชัยชนะได้เพียง 4 จาก 20 เกม (เสมอ 4 แพ้ 12) นับเป็นสถิติที่ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่ในเวลานี้ต้องบอกว่าพวกเขามีฟอร์มในบ้านที่โดดเด่น โดยเก็บชัย 11 เสมอ 1 จาก 12 เกมที่ลงเล่นในรังเหย้าล่าสุด ในทางกลับกันสถิติเกมเยือนของ ลิเวอร์พูล ในรายการนี้ไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อพวกเขาพ่าย 2 จากเกม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเกมนี้ด้วยคุณภาพของทีมที่เหนือกว่าของทางด้านทีมเยือนจะทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะไปได้ในท้ายที่สุด 0-2