ขณะที่ผู้มาเยือน เชลซี ผลงานล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านเฉือนชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-2 ในรายการเอฟเอ คัพ รอบที่ 5 ส่งผลให้พวกเขากลับมาคว้าชัยชนะได้หนแรกในรอบ 3 เกม อย่างไรก็ตาม"ทัพสิงห์บลู"เก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียวจาก 5 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก และด้วยผลงานที่ไม่คงเส้นคงวาโดยเฉพาะเกมรุก-รับที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเขามาตลอด ส่งผลให้ในปัจจุบันทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยังคงจมอยู่ในอันดับที่ 11 ของตาราง เก็บได้เพียง 35 คะแนนหลังผ่าน 25 เกม (ชนะ 10 เสมอ 5 แพ้ 10) ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขาเพิ่งได้รับข่าวดี เมื่อจะได้ตัวกองหลังวัยเก๋า ธิอาโก้ ซิลวา และนักเตะใหม่อย่าง โรมิโอ ลาเวีย กลับคืนสู่ทีม หลังทั้งคู่ลงซ้อมกับทีมได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อวัดจากสถิติการพบกันของทั้งคู่ ตั้งแต่ปี 1935 สองทีมจากกรุงลอนดอนพบกันมาแล้ว 20 ครั้ง แม้ทางด้าน เบรนท์ฟอร์ด จะเป็นทีมที่ชื่อชั้นเป็นรอง แต่พวกเขาก็ยังสามารถเอาชนะ เชลซี ได้อย่างน่าประทับใจถึง 7 ครั้ง ในขณะเดียวกัน "สิงห์บลูส์" ชนะ 10 นัด และอีก 3 เกมจบลงด้วยผลเสมอกัน ขณะที่การเผชิญหน้ากันหนล่าสุด เบรนท์ฟอร์ด บุกไปเอาชนะได้ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยสกอร์ 2-0 แต่หากมองวัดกันจากฟอร์มการเล่น ณ ปัจจุบัน เป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ทำได้เหนือกว่า ถึงแม้พวกเขาจะไม่ค่อยได้รับชัยชนะแต่ก็มีรูปเกมที่ดีและน่าลุ้นมากกว่า ผิดกลับทางฝั่งเจ้าบ้านที่ผลงานย่ำแย่ซ้ำซ้อนอย่างน่าประหลาดใจ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเกมนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ โปเช็ตติโน่ ต้องพาลูกทีมฝ่าฟันไปให้ได้ ซึ่งการบุกไปล้างแค้นคือเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ ผลการแข่งขันที่คาด 1-2