ลิเวอร์พูล (4-3-3): อลิสสัน, แบรดลีย์, โคนาเต้, ฟาน ไดจ์ค, โกเมซ, เอลเลียต, แม็ค อัลลิสเตอร์, โจนส์, นูนเญซ, โชต้า, ดิอาซ

เชลซี (4-2-3-1): เปโตรวิช, กุสโต้, ดิซาซี, ซิลวา, โคลวิลล์, เฟอร์นันเดซ, ไคเซโด้, สเตอร์ลิง, พาลเมอร์, มูดริก, โบรย่า

เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาล ผลงานล่าสุดในลีกเพิ่งบุกไปถล่ม บอร์นมัธ 4-0 และต่อด้วยการทะลุเข้าชิงชนะเลิศถ้วยคาราบาวคัพได้สำเร็จ ก่อนที่จะเปิดบ้านอัด นอริช ซิตี้ 5-2 ในเกมเอฟเอ คัพ ปัจจุบันลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ รั้งจ่าฝูงของตารางด้วยการเก็บไปได้ 48 คะแนนหลังผ่าน 21 เกม (ชนะ 14 เสมอ 6 แพ้ 1) ทิ้งห่างอันดับที่ 2, 3 อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซนอล อยู่ถึง 5 แต้มก่อนเกมวันนี้ อย่างไรก็ตาม "พลพรรคหงส์แดง" ยังคงทำงานหนักของพวกเขาต่อไปและดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังจะสมบูรณ์แบบ หลังจากพวกเขาไม่แพ้เลยตลอด 14 นัดหลังสุด อีกทั้งยังคว้าชัย 8 จาก 10 นัดหลังสุดในบ้านโดยยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไปในแต่ละเกม (5 คลีนชีต)

ขณะที่ผู้มาเยือน เชลซี เริ่มกลับเข้าสู่สิ่งที่พวกเขาควรจะเป็นอีกครั้ง หลังคว้าชัยชนะ 3 เกมติดต่อกันจากทุกรายการ ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งพวกเขาสามารถทะลุผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศถ้วยคาราบาวคัพได้สำเร็จจากการพลิกกลับมาเอาชนะ มิดเดิลสโบรช์ ในเกมนัดที่ 2 ส่วนผลงานในลีกยังคงรั้งอันดับที่ 9 ของตารางจากการเก็บเพิ่มเป็น 31 คะแนนจากการลงสนาม 21 เกม (ชนะ 9 เสมอ 4 แพ้ 8) อย่างไรก็ตาม "ทีมสิงห์บลูส์" ทำผลงานได้ดีในระยะหลังที่สนามแอนฟิลด์ โดยแพ้เพียง 2 จาก 11 นัดหลังสุดที่ไปเยือน

เมื่อวัดจากสถิติของทั้งคู่ที่เคยพบกัน เป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ดูดีกว่าในช่วงหลัง พวกเขาเอาชนะทีมเยือน 4 จาก 10 นัดหลังสุด (เชลซี ชนะ 1) และเสมอกันไป 5 เกม ถึงแม้ว่าครึ่งฤดูกาลแรกที่เผชิญหน้ากันจะจบลงด้วยเสมอ 1-1 ในรังเหย้าของ เชลซี แต่ในเวลานี้ต้องบอกว่า "ทัพหงส์แดง" กำลังอยู่ในช่วงติดลมบน พวกเขาแข็งแกร่งเสมอและเป็นทีมที่แพ้ยากสุดๆเมื่อยามลงเล่นในบ้านของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันลูกทีมของ โปเช็ตติโน่ ก็เหมือนจะค้นพบระบบการเล่นบางอย่างที่ทำให้พวกเขาคว้าชัยมาได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเกมนี้หากมีผลแพ้ชนะ ผลสกอร์ก็คงจะแค่เฉือนๆ แต่เราขอมองว่า "ทัพสิงห์บลู" จะต้านทานความร้อนแรงของเจ้าบ้านเอาไว้ได้ ผลการแข่งขันที่คาด 2-2