เชลซี (4-2-3-1): เปโตรวิช, กุสโต้, ดิซาซี, ซิลวา, โคลวิลล์ ไคเซโด้, กัลลาเกอร์, มูดริก, แจ็คสัน, เอ็นคุนคู, โบรย่า

คริสตัล พาเลซ (4-3-3): เฮนเดอร์สัน, ไคลน์, แอนเดอร์เซ่น, เกฮี, มิทเชล, เลอร์มา, ริชาร์ด, ฮิวจ์ส, โอลิเซ่, มาเตต้า, อายิว

เจ้าบ้าน เชลซี ผลงานยังคงย่ำแย่ต่อเนื่อง หลังเกมล่าสุดบุกพ่าย วูล์ฟแฮมตัน 2-1 ทำให้ 5 เกมหลังสุดในลีกพวกเขาปราชัยไปถึง 3 เกม (ชนะ 2) ปัจจุบันลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ รั้งอันดับที่ 10 ของตารางเช่นเดิม เก็บไปได้เพียง 22 คะแนนหลังผ่าน 18 เกม (ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 8) อย่างไรก็ตาม "ทัพสิงห์บลูส์" เริ่มห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาควรจะอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากทีมดังแห่งลอนดอนตามหลังพื้นที่ TOP4 มากถึง 14 แต้ม และอยู่เหนือโซนตกชั้น 10 แต้ม ขณะที่ฟอร์มในบ้านยังถือว่าโอเค หลัง 2 นัดล่าสุดพวกเขาคว้าชัยชนะเหนือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

ส่วนทางฝั่งผู้มาเยือน คริสตัล พาเลซ ผลงานล่าสุดทำได้เพียงเปิดรังเสมอกับ ไบร์ทตัน 1-1 ทำให้คว้าผลเสมอติดต่อกัน 2 เกมหลังสุด ปัจจุบันทีมของ รอย ฮอดจ์สัน รั้งอันดับที่ 15 ของตารางด้วยการเก็บได้ 18 คะแนนจาก 18 เกมที่ผ่านมา (ชนะ 4 เสมอ 6 แพ้ 8) ตามหลังทีมเจ้าบ้านอยู่เพียง 4 แต้มเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาเดินทางเข้าสู่เกมนี้โดยไม่ชนะใครเลยใน 7 เกมลีกหลังสุด แท้จริงแล้วชัยชนะในพรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดของพวกเขาต้องย้อนไปในเกมที่เอสชนะเหนือ เบิร์นลีย์ 2-0 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งนับว่าเป็น 3 แต้มเพียงนัดเดียวของพวกเขาใน 11 นัดหลังสุด

เมื่อวัดจากฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม ต้องบอกว่าไม่หนีกันสักเท่าไหร่ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับฤดูกาลนี้ แต่ถ้าหากเราพิจารณาจากสถิติที่ผ่านมา เป็นทางฝั่ง เชลซี ที่ทำได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน พวกเขาชนะ คริสตัล พาเลซ ใน 12 นัดหลังสุด ซึ่งแบ่งเป็นการชนะ 5 เกมเหย้าโดยไม่เสียประตู ในเวลานี้"ทีมปราสาทเรือนแก้ว"ไม่พบชัยชนะเลยตลอด 7 เกมในลีก ขณะที่เจ้าบ้านคว้า 3 คะแนนจาก 2 เกมเหย้าหลังสุด จากเหตุผลข้างต้นเราจึงขอมองว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่ "ทีมสิงโตน้ำเงินคราม จะกลับมา" ผลการแข่งขันที่คาด 2-1