ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อลยิงได้ 69 ประตู ขณะที่ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่ สลอต ยิงไปถึง 86 ประตู แม้อาร์เซน่อลจะเสียประตูน้อยกว่าก็ตาม ความแตกต่างนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องการสร้างสรรค์เกมรุกที่ “ห่างชั้น”

จุดโทษสร้างความต่างถึง 11 แต้ม
แม้อัตราการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู (Shot Conversion Rate) ของลิเวอร์พูล (13.3%) จะสูงกว่าอาร์เซน่อล (12.6%) แต่ตัวเลขนี้บิดเบือนจากการที่ลิเวอร์พูลได้จุดโทษถึง 9 ครั้ง ขณะที่อาร์เซน่อลได้เพียง 2 ครั้ง ตลอดทั้งฤดูกาล จุดโทษที่ลิเวอร์พูลได้ช่วยเพิ่มแต้มให้พวกเขาถึง 11 คะแนน ขณะที่จุดโทษทั้ง 2 ของอาร์เซน่อลเกิดขึ้นในเกมที่ถล่มเวสต์แฮม 5-2 ซึ่งไม่ได้ส่งผลกับแต้มในตาราง

อาร์เซน่อลยิงน้อยกว่า ไม่ใช่เพราะยิงไม่คม แต่เพราะไม่ได้โอกาสยิง
ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลยิงมากกว่าอาร์เซน่อลถึง 95 ครั้ง (ไม่รวมจุดโทษ) หรือเฉลี่ย 2.5 ครั้งต่อเกม หากอาร์เซน่อลมีโอกาสยิงเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับลิเวอร์พูล และยังรักษาอัตราการจบสกอร์ไว้ได้เท่าเดิม พวกเขาน่าจะได้ประตูเพิ่มอีก 12 ลูก นั่นหมายความว่าปัญหาหลักของอาร์เซน่อลไม่ใช่ “ยิงไม่คม” แต่คือ “โอกาสยิงไม่พอ”

คุณภาพโอกาสก็ด้อยกว่า
ลิเวอร์พูลไม่ได้แค่สร้างโอกาสยิงได้มากกว่า แต่โอกาสยิงของพวกเขายังมีคุณภาพ (Expected Goals per Shot) สูงกว่าอาร์เซน่อลอีกด้วย โดยลิเวอร์พูลสร้างโอกาสที่มีโอกาสเป็นประตูเฉลี่ย 12% ต่อครั้ง ขณะที่อาร์เซน่อลอยู่ที่ 11% ตัวเลขนี้ฟังดูเหมือนน้อยนิด แต่ถ้าคิดกับโอกาสยิง 544 ครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เซน่อลก็พลาดโอกาสทำประตูไปอีกประมาณ 5 ลูก

อาร์เซน่อล “คม” กว่าที่คิด แต่ยิงไม่พอ
ที่น่าสนใจคือ หากดูสถิติการยิงแบบไม่รวมจุดโทษ อาร์เซน่อลทำประตูได้เกินค่าคาดหวัง (xG) ถึง 7 ลูก ขณะที่ลิเวอร์พูลทำได้เกิน xG เพียง 0.5 ลูกเท่านั้น นั่นแปลว่า อาร์เซน่อลคมกว่าที่หลายคนคิด เพียงแต่พวกเขา “ไม่มีโอกาสยิงมากพอ” เท่าคู่แข่งลุ้นแชมป์

โยเคเรส มากกว่ากองหน้าที่จบสกอร์
แม้โยเคเรสจะถูกดึงเข้ามาเพื่อเพิ่มความเฉียบคมในแดนหน้า แต่สไตล์ของเขาก็น่าจะช่วยแก้ไขปัญหา “การสร้างโอกาส” ของอาร์เซน่อลได้ด้วย ฤดูกาลที่ผ่านมา เขามีค่าเฉลี่ยยิง 4.5 ครั้งต่อ 90 นาทีในลีกโปรตุเกส มากกว่ากาเบรียล เฆซุส (3.0) และไค ฮาแวร์ตซ์ (2.6) ที่อาร์เซน่อลอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ โยเคเรสยังสร้างโอกาสจากโอเพ่นเพลย์ได้ถึง 60 ครั้ง และเป็นนักเตะที่ได้จุดโทษมากที่สุดในลีก (4 ครั้ง) ซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่แค่รอจังหวะยิง แต่ยังสามารถเคลื่อนที่เปิดทางให้เพื่อนและดึงโอกาสให้ทีมได้อีกด้วย

หากโยเคเรสสามารถรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้ในพรีเมียร์ลีกได้จริง เขาอาจเป็นคำตอบทั้งเรื่อง “การจบสกอร์” และ “การสร้างโอกาส” ที่อาร์เซน่อลขาดไปในฤดูกาลก่อน