ดีลใหญ่สะเทือนพรีเมียร์ลีก? นิวคาสเซิลอาจจำใจขาย “อิซัค” ให้ลิเวอร์พูล

แม้นิวคาสเซิลจะยืนกรานว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค ไม่ได้มีไว้ขาย แต่แรงกดดันจากสถานการณ์การเงินและกฎ PSR (Profit and Sustainability Rules) อาจทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนใจ
ภายใต้การบริหารของ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติซาอุฯ (PIF) ซึ่งเป็นเจ้าของทีม “สาลิกาดง” นั้น การตัดสินใจขายนักเตะอาจไม่ได้อยู่แค่ในสนาม แต่ขึ้นอยู่กับ “ตัวเลขในสมุดบัญชี” โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ลิเวอร์พูลพร้อมทุ่มถึง 120 ล้านปอนด์ แลกกับกองหน้าสวีดิชรายนี้
แม้ เอ็ดดี้ ฮาว จะอยากเก็บอิซัคไว้และดึง ฮูโก้ เอคิติเก้ กองหน้าดาวรุ่งฝรั่งเศสมาจากไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ตเพื่อจับคู่กันในแดนหน้า แต่การที่นิวคาสเซิลยื่นข้อเสนอสูงถึง 70 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อเอคิติเก้ แทนที่จะหาตัวแทนราคาถูกของคัลลัม วิลสัน ทำให้เกิดคำถามว่า สโมสรเตรียม “ขายแพง-ซื้อถูก” หรือไม่?
อิซัคมีสัญญาถึงปี 2028 และรับค่าเหนื่อยสูงถึง 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่การเจรจาขยายสัญญาใหม่ที่ควรเกิดในซัมเมอร์นี้กลับเงียบเชียบ บวกกับความเป็นไปได้ที่เจ้าตัวอาจอยากย้ายไปทีมระดับลุ้นแชมป์ ยิ่งทำให้ดีลกับลิเวอร์พูลมีน้ำหนักขึ้น
เอคิติเก้ อายุเพียง 23 ปี และมีสไตล์คล้ายอิซัค แถมค่าจ้างน้อยกว่าและบาดเจ็บน้อยกว่า จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ PIF และฝ่ายบริหารมากกว่า
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่าง ริชาร์ด ฮิวส์ ผู้อำนวยการกีฬาลิเวอร์พูล กับ เอ็ดดี้ ฮาว ที่เคยร่วมงานกันที่บอร์นมัธมาก่อน ซึ่งอาจช่วยเปิดช่องเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ
นิวคาสเซิลต้องการเสริมเซ็นเตอร์แบ็ก, ผู้รักษาประตู และกองกลาง ซึ่งหากไม่ขายนักเตะค่าตัวสูงอย่างอิซัค ก็อาจติดปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะเมื่อเพิ่งซื้อ แอนโธนี อีลังกา จากน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในราคา 55 ล้านปอนด์
หากสามารถขายอิซัคในราคาที่เกือบสองเท่าจากตอนซื้อ (65 ล้านปอนด์) นิวคาสเซิลจะมีงบเหลือเฟือในการปรับทีม และยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการทำผิดกฎ PSR

