หลัง 4 สโมสรชั้นนำของประเทศ โบตาโฟโก้, ฟลาเมงโก้, ฟลูมิเนนเซ่ และพัลไมรัส ต่างทำผลงานยอดเยี่ยม ทะลุถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้พร้อมกัน สร้างความหวังว่าทีมจากบราซิลอาจคว้าแชมป์รายการนี้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012

หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จ คือการเตรียมความพร้อมแบบมุ่งมั่น ทีมอย่างพัลไมรัสวางแผนล่วงหน้าให้ฟอร์มพีคตรงกับช่วงทัวร์นาเมนต์ ขณะที่ทีมยุโรปหลายทีม เช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี ต้องลงแข่งหลังฤดูกาลที่ยาวนาน และยังเผชิญกับอากาศร้อนจัดซึ่งทีมบราซิลคุ้นเคยมากกว่า

อีกหนึ่งจุดแข็งคือลีกบราซิลปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนมากขึ้น สโมสรสามารถเก็บนักเตะฝีเท้าดีไว้กับทีม และยังดึงดาวดังกลับมาเล่น เช่น จอร์จินโญ่ (อดีตอาร์เซนอล), ดานิโล และอเล็กซ์ ซานโดร (จากยูเวนตุส) นอกจากนี้ ยังมีการนำโค้ชต่างชาติเข้ามาเสริมความรู้ใหม่ ๆ สู่ระบบการเล่น

แม้ฟลาเมงโก้และโบตาโฟโก้จะตกรอบ แต่พัลไมรัสและฟลูมิเนนเซ่ยังมีลุ้นเข้ารอบลึก โดยพัลไมรัสมีดาวรุ่งอย่างเอสเตวาโอ วัย 18 ปี ที่กำลังจะย้ายไปเชลซีหลังจบทัวร์นาเมนต์

แม้ความสำเร็จของสโมสรจะไม่สะท้อนถึงทีมชาติบราซิลโดยตรง แต่มันแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของฟุตบอลบราซิล และความแข็งแกร่งของภูมิภาคอเมริกาใต้โดยรวม ทั้งโคลอมเบีย อุรุกวัย และปารากวัย ต่างมีนักเตะหลักค้าแข้งในลีกบราซิล