กูเลอร์ที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น “เมสซี่ตุรกี” เคยทำผลงานโดดเด่นช่วงปลายฤดูกาลแรกในสเปน และสร้างความประทับใจในยูโร 2024 ด้วยลูกยิงไกลสุดสวยให้ตุรกี แต่ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ฤดูกาล 2024-25 กลับกลายเป็น “ปีที่หายไป” โดยเขาแทบไม่มีโอกาสลงสนามในเกมใหญ่ และมีเวลาเล่นรวมไม่ถึง 1,800 นาที

อย่างไรก็ตาม การมาถึงของอลอนโซ่เปลี่ยนทุกอย่าง กูเลอร์ถูกขยับมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลาง ซึ่งเป็นบทบาทที่เจ้าตัวถนัดมากกว่าเล่นริมเส้นอย่างที่เคยถูกจับลง ภายใต้ระบบใหม่ เขาทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมชนะปาชูกาและซัลซ์บวร์ก เป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลมากที่สุด และมีอิทธิพลต่อเกมอย่างชัดเจน

แม้จะถูกเปลี่ยนตัวโดย ลูก้า โมดริช ช่วงกลางครึ่งหลังทั้งสองนัด แต่มันสะท้อนการถ่ายเลือดในแดนกลาง – จากมิดฟิลด์ระดับตำนาน สู่ยุคใหม่ของเรอัล มาดริดที่มี "กูเลอร์" เป็นศูนย์กลาง โดยคาดว่าโมดริชจะย้ายไปเอซี มิลานหลังจบทัวร์นาเมนต์

วิตอร์ เปเรย์รา อดีตกุนซือเฟเนร์บาห์เช่ ผู้ให้โอกาสกูเลอร์เดบิวต์เมื่ออายุเพียง 16 ปี เชื่อมั่นว่าเด็กหนุ่มรายนี้จะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เขายกย่องว่า “ฉลาด เห็นเกมก่อนบอลจะถึงตัว สามารถจ่าย, ยิง, หรือทะลุแนวรับได้ครบถ้วน” พร้อมระบุว่าตำแหน่งหมายเลข 8 หรือ 10 คือตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด

แม้ฤดูกาลก่อนจะเจอความยากลำบาก แต่คุณภาพและสภาพจิตใจของกูเลอร์กำลังผลักดันให้เขากลายเป็น "ตัวเอกหลัก" ของเรอัล มาดริดในยุคใหม่ และหากเขาระเบิดฟอร์มใส่ยูเวนตุสได้อีกครั้งในวันอังคารนี้ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแจ้งเกิดสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง.