โดยเกมนี้ไม่เพียงแค่ผลการแข่งขันที่เลวร้าย แต่ยังรวมถึงการถูกล้อเลียนผ่านโซเชียลมีเดียว่าเป็น “Pink Phony Club” จนเดวิด เบ็คแฮมถึงกับไม่พอใจ ทีมของฮาเวียร์ มาสเชราโน่ กำลังเผชิญความจริงอย่างเจ็บปวด แม้จะเริ่มฤดูกาลได้ดี แต่ปัจจุบันผลงานกำลังดิ่งลงเหว ตกรอบคอนคาเคฟ แชมเปียนส์ คัพ ด้วยสกอร์รวม 5-1 ต่อแวนคูเวอร์ และพ่ายแพ้แบบเสีย 4 ประตูต่อทั้งเอฟซี ดัลลัสและมินนิโซตา

ปัญหาของอินเตอร์ ไมอามีคล้ายกับสิ่งที่เมสซีเคยเจอที่ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นั่นคือการมีแนวรุกระดับโลก แต่ขาดความสมดุลเชิงโครงสร้าง ทีมมีเมสซี, ซัวเรซ, บุสเก็ตส์ และอัลบา แต่ขาดความเร็ว ความแข็งแกร่ง และความมีวินัยในแนวรับ โดยเฉพาะเมื่อบุสเก็ตส์วัย 36 ปีต้องรับบทหนักในแดนกลาง

มาสเชราโน่พยายามปรับทีม เช่น การใช้ ยานนิค ไบรต์ คอยตัดเกม แต่เกมรับยังเสียประตูง่าย ความผิดพลาดส่วนบุคคล เช่น การโหม่งเข้าประตูตัวเองของมาร์เซโล ไวกานด์ หรือจังหวะที่อัลบาปล่อยให้คู่แข่งโล่งยิง ล้วนเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่ใช่แค่เรื่องแทคติก แต่เป็นเรื่องของสมาธิและแรงจูงใจ

แม้จะมีข่าวเชื่อมโยงกับดาวดังอย่างเควิน เดอ บรอยน์ หรืออังเคล ดิ มาเรีย แต่ตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ยังมาไม่ถึง และก่อนหน้านั้น อินเตอร์ ไมอามีจะต้องลงเล่นในศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ซึ่งเป็นเวทีที่ทั่วโลกจับตามอง

แม้ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นถ้วยซัพพอร์เตอร์ส ชิลด์ แต่เป้าหมายของอินเตอร์ ไมอามีในปี 2025 ชัดเจน: คว้าถ้วยใหญ่ ไม่ใช่แค่สร้างกระแส เพราะหากไม่มีแชมป์ เมสซีอาจต้องพบชะตากรรมซ้ำรอยจากยุคที่เปแอสเชอีกครั้ง