อังเคิลแบร์: ย้อนรอย ‘ปาฏิหาริย์’ แซงคว้าแชมป์

แฟนบอลที่ติดตาม พรีเมียร์ลีก หลายคนอาจมั่นใจไปแล้วว่าแชมป์ในปีนี้ตกเป็นของ ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน หลังจากที่ทิ้งห่างคู่แข่งลุ้นแชมป์ไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้วในเวลานี้
ก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาล 2024-25 อาร์เซนอล ได้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในทีมที่มีแนวโน้มว่าจะคุกคามการผูกขาดแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้มากที่สุด
หลังจากที่ไล่บี้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาได้ในตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุด ทำให้หลายคนก็เชื่อตามคำกล่าวของฟากตะวันตกที่ว่า ‘Third time lucky’ หรือ โชคดีในครั้งที่ 3 และฤดูกาลนี้แหละถึงคราวของ ‘ปืนใหญ่’ ที่จะสอยแชมป์มาครองได้ในรอบกว่า 20 ปี
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน แชมป์เก่าอย่าง ‘เรือใบ’ ได้หลุดจากวงโคจรไปเป็นที่เรียบร้อย และกลายเป็น ‘หงส์แดง’ ที่นำโด่งเป็นจ่าฝูง มีคะแนนนำห่างทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ที่อยู่ในอันดับสองถึง 13 คะแนนในเวลานี้
ทำให้ดูเหมือนไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกโผอะไรแล้วทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ‘เดอะ กันเนอร์ส’ เคยทำมาก่อนแล้วครับ
ขอย้อนกลับไปในฤดูกาล 1997-98 ซึ่งเป็นช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังครองความยิ่งใหญ่ซึ่งคว้าแชมป์มาได้ถึง 4 สมัยจาก 5 ฤดูกาล หลังจากเปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็น พรีเมียร์ลีก
ในฤดูกาลดังกล่าว ทีมของ อาร์เซน เวงเกอร์ ก็ตามหลังจ่าฝูงอยู่ถึง 13 คะแนน แบบเดียวกันเป๊ะกับในฤดูกาลนี้เลยนะครับ นอกจากนี้ยังเป็นสถิติที่ถูกทิ้งห่างมากที่สุด แต่สามารถแซงกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกด้วย
อาร์เซนอล ฟอร์มหลุดไปดื้อ ๆ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 1997 โดยชนะได้เพียงแค่ 2 เกมและแพ้ไปถึง 4 เกมจาก 8 เกมในช่วงก่อนที่จะลงเล่นเกมบ็อกซิ่งเดย์
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับมาคืนฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง โดยที่ไม่แพ้เลยแม้แต่เกมเดียวจนกระทั่ง 2 เกมสุดท้ายที่แพ้รวด แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไร เพราะพวกเขาได้คว้าแชมป์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว จากผลงานที่ชนะรวด 10 เกมติดต่อกันและเสียเพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้น
ส่งผลให้ ‘เดอะ กันเนอร์ส’ และตัวของ เวงเกอร์ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกมาครองได้สำเร็จ จากผลงานอันลือลั่นปฐพีในฤดูกาลนั้น
แล้วถ้ามองในมุมกลับกัน ลิเวอร์พูล เคยโดนแซงพลิกนรกแบบนี้บ้างไหมล่ะ คำตอบก็คือ ‘มีครับ’ และไม่นานมานี้ในฤดูกาล 2018-19 นี่เองครับ เป็นช่วงเวลาของ 2 ยอดกุนซือยุคใหม่อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
‘เร้ด แมชชีน’ ในฤดูกาลดังกล่าวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น หลังจากที่นำเป็นจ่าฝูงจากลงเล่นไปแล้ว 20 เกม และยังไม่แพ้ใครในลีกเลยแม้แต่เกมเดียว โดยยิงได้ 48 ประตูและเสียเพียงแค่ 8 ประตูเท่านั้น
สวนทางกับ ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่ฟอร์มหลุดไปดื้อ ๆ จนทำให้แพ้ 3 เกมในช่วงเดือนธันวาคม และตามหลังจ่าฝูง 10 คะแนน โดยเมื่อเทียบกับฟอร์มของ ‘หงส์แดง’ แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเสียแชมป์ไปอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอล่า กลับมาพาทีมชนะได้ถึง 18 เกมจาก 19 เกมหลังจากช่วงคริสต์มาส รวมถึงเกมที่ทั้งคู่ต้องมาเจอกัน และทำให้เป็นความพ่ายแพ้หนเดียวที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนั้นของ ลิเวอร์พูล อีกด้วย
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ แมนฯ ซิตี้ ในครึ่งหลังของฤดูกาล ทำให้พวกเขาเบียดคว้าแชมป์เหนือ ลิเวอร์พูล เพียงแค่คะแนนเดียว และยังส่งให้ทีมของ คล็อปป์ กลายเป็นทีมที่เก็บคะแนนได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ไม่ได้แชมป์ ด้วยการเก็บได้ถึง 97 คะแนนในปีนั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะขึ้นกันได้บ่อย ๆ เพราะทีมที่ทำได้บ่อยที่สุดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำได้เพียงแค่ 4 หนเท่านั้น จากการตามหลังอย่างน้อย 10 คะแนนแล้วกลับมาแซงคว้าแชมป์ไปได้
ถ้าถามว่า ‘ปาฏิหาริย์’ จะเกิดขึ้นได้ไหม พี่กบ ทรงสิทธิ์ ก็น่าจะตอบว่า ‘ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง’ แต่ถ้าถามแฟนปืนก็คงอยากจะให้เกิดขึ้นจริงอีกสักครั้งในฤดูกาลนี้นี่แหละครับ
เขียนโดย The Lite Team
อังเคิลแบร์

