38 Drinks: เทพีแห่งโชคอยู่ข้าง ‘ลิเวอร์พูล’
ก่อนที่การแข่งขันในสัปดาห์นี้จะเริ่มขึ้นหลายฝ่ายอาจมองว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะทำแต้มหล่น แต่ท้ายที่สุดพวกเขาชนะได้แบบไม่เสียประตู
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ บอร์นมัธ ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้พวกเขาถูกมองว่ามีดีพอที่จะกำราบทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต ได้สำเร็จ เนื่องจาก 2 แมตช์ก่อนหน้าเป็นการบุกถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-4 ต่อด้วยเปิดบ้านซัด น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ไป 5 ประตู
นอกจากนั้นในถิ่น วิทาลิตี้ สเตเดี้ยม ก็เคยเป็นสุสานของบรรดาทีมใหญ่อย่าง อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้ว
โดยเมื่อเสียงนกหวีดในเกมนี้เริ่มต้นขึ้น ก็เป็นเกมที่สนุกสูสีอย่างที่หลายคนคาดการณ์กันเอาไว้ไม่มีผิด ทั้งสองทีมต่างไม่มีใครคิดที่จะยอมผ่อนเกมให้กัน มีโอกาสผลัดกันบุกกันแทบจะนาทีต่อนาที หากจะเปรียบเทียบกับมวย ก็คือการเดินหน้าเข้าใส่แบบไม่ตั้งการ์ดกันอีกแล้ว
ถ้าจะว่ากันตามตรงทางฝั่ง ‘เดอะ เชอรี่ส์’ ก็ดูจะทำเกมบุกได้น้ำได้เนื้อกว่าฝั่งจ่าฝูงอีกด้วย แต่ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลมาก ๆ กับเกมนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘โชคชะตา’ เพราะเจ้าถิ่นควรจะได้ประตูขึ้นนำก่อนจากลูกยิงของ อองตวน เซเมนโย่ ที่ซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้ง แต่ว่าบอลดันพุ่งไปชนเสาเสียงดังสนั่น
แล้วเพียงแค่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ โคดี้ กัคโป วิ่งเข้ากรอบ 18 หลาแล้วโดน ลูอิส คุ๊ก สะกิดเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่ผู้ตัดสินจะมองว่าเป็นการฟาล์ว และแน่นอนว่า โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ สังหารเข้าไปไม่พลาด
โดยหลังจากนั้น บอร์นมัธ ก็เกือบที่จะตีเสมอได้ เมื่อส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่าขาของ มิลอส เคอร์เคซ แบ็คซ้ายที่เนื้อหอมที่สุดในเวลานี้ ซึ่งเป็นผู้แอสซิสต์กับล้ำหน้าไปก่อน
เกมยังคงต่อสู้กันอย่างสูสี แบบชนิดที่แฟนบอลแทบจะละสายตาไม่ได้ โดยเฉพาะในนาทีที่ 70 ที่เหล่าสาวก ‘เดอะ ค็อป’ คงต้องใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วแน่ ๆ เมื่อ มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ ตัวสำรองของเจ้าบ้าน
ที่เพิ่งลงมาได้บรรจงปั่นโค้ง ๆ บอลไปชนเสา ก่อนที่บอลจะมาเข้าทาง จัสติน ไคลเวิร์ต ที่เหลือแค่เขากับประตูโล่ง ๆ แต่กลับซ้ำออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วเมื่อทีมของ อันโดนี่ อิราโอล่า ตีเสมอไม่ได้ พวกเขาก็ถูกลงโทษในท้ายที่สุดเมื่อ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ โชว์ความเป็นสุดยอดนักเตะระดับโลกยิงลูกที่ดูธรรมดา ๆ แต่ว่าเปลี่ยนเป็นประตูปิดเกมได้ในท้ายที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ในค่ำคืนที่ผ่านมานั้นมีเรื่องของโชคชะตาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จะให้เครดิตแค่โชคอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ เพราะนัดนี้ทุกคนก็คงได้เห็นแล้วว่า ‘คิง ออฟ อียิปต์’ นั้นเฉียบคมขนาดไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถทำลายสถิติของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ขึ้นไปเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 6 ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนั้น อลิสสัน เบ็คเกอร์ ก็ยังแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่เหนือกว่ามือสองที่สุดยอดอย่าง ควิวีน เคลเลเฮอร์ อีกระดับ เมื่อเซฟจังหวะสำคัญไปได้อีกหลายหน
จบเกมนี้ ลิเวอร์พูล มีแต้มเหนือ อาร์เซนอล อยู่ 9 คะแนน และลูกได้เสียที่มากกว่าถึง 12 ประตู หลังจากผ่านมาแล้ว 23 นัด ด้วยเส้นทางที่เหลืออีก 15 นัด พวกเขาสามารถแพ้ได้ถึง 3 เกม ก็ยังเพียงพอต่อการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้
คงต้องบอกว่าไม่มีโอกาสไหนที่จะดีพอต่อการคว้าโทรฟี่เท่าตอนนี้อีกแล้ว สาวก ‘หงส์แดง’ อย่ารอช้า รีบจองคิวรถแห่ แล้วรอฉลองแชมป์กันได้เลย
เขียนโดย The Lite Team.
38 Drinks