How in one: ‘อารอน แรมส์เดล‘ เมื่อชีวิตนี้คล้ายกับรถไฟเหาะ
โชคชะตามักจะเล่นตลกกับชายผู้นี้เสมอ จากที่เคยมุ่งมั่นไขว่คว้าจนพาตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่ทว่าปัจจุบันชีวิตของเขากลับต้องพลิกผันในอาชีพการค้าแข้งอีกครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2021 อาร์เซนอล ประกาศคว้าตัวนายประตูคนใหม่เข้าสู่ทีม เจ้าของฉายา ‘นายทวารจอมตกชั้น’ โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าตัวจะดีพอกับสนนราคาค่าตัวถึง 24 ล้านปอนด์ เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่ทำสถิติตกชั้น 2 ปี กับ 2 สโมสรอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ บอร์นมัธ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางด้าน มิเกล อาร์เตต้า จะอธิบายถึงสารพัดเหตุผลร้อยแปดที่พวกเขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับผู้รักษาประตูอีกคน ทั้งที่ในเวลานั้นก็มี แบรนด์ เลโน่ อยู่แล้ว แต่ก็ไม่วายกลับถูกมองว่าควรนำเม็ดเงินตรงนี้ไปลงทุนกับตำแหน่งอื่นที่ไม่สมบูรณ์มากกว่า
แรกเริ่มเดิมที อารอน แรมส์เดล คือผลผลิตจากชุดเยาวชนของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก่อนเป็นทาง บอร์นมัธ ที่ซื้อตัวเข้ามาร่วมทีมในราคา 800,000 ปอนด์ โดยทางกุนซือของทีมในยุคนั้นอย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ให้เหตุผลว่า “เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งให้กับสโมสรได้ในอนาคต”
ช่วงเวลาที่อยู่กับ ฮาว เขาเคยถูกส่งให้กับ เชสเตอร์ฟิลด์ (ทีมในระดับลีกทู) และ วิมเบิลดัน (ทีมในระดีบลีกวัน) ยืมตัวไปใช้งานจนสามารถรีดฟอร์มเก่งออกมาและได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า ‘แรมโบ้’
หลังจากนั้นอีกไม่นานเขากลับมาที่ บอร์นมัธ อีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาถูกผลักดันให้ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่แทนที่ของ อัสเมียร์ เบโกวิช ผู้รักษาประตูจอมเก๋า โดยในฤดูกาล 2019/20 แรมส์เดล ถือเป็นนายทวารที่อายุน้อยที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีก (21 ปี) และมีส่วนสำคัญกับผลงานที่ดีของสโมสรในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล แต่ทว่าในช่วงท้ายฤดูกาลลูกทีมของ ฮาว กลับแผ่วปลาย และต้องสังเวยกับการตกชั้นไปในท้ายที่สุด
แม้ต้นสังกัดจะต้องผิดหวังแต่เส้นทางของเขายังต้องไปต่อ นั่นจึงทำให้ทีมเก่าอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดึงตัวกลับมาเฝ้าเสาหลังจากที่ ดีน เฮนเดอร์สัน หมดสัญญายืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ แรมส์เดล ไม่สามารถช่วยให้สโมสรอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดต่อไปได้ เชฟฟิลด์ ตกชั้นในปีนั้นชนิดที่ต้องบอกว่าไม่ได้ลุ้นอะไรเลย
ในฤดูกาล 2021/22 เขาย้ายมาอยู่กับ อาร์เซนอล และจุดสูงสุดในอาชีพนักฟุตบอลของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ แบรนด์ เลโน่ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งในเวลานั้นก่อความผิดพลาดหลายต่อหลายครั้งจนทำให้โอกาสตกมาอยู่ในมือของ แรมส์เดล
เขาได้รับโอกาสลงสนามประเดิมนัดแรกในเกม คาราบาว คัพ กับ เวสต์บรอมวิช และสามารถเก็บคลีนชีตออกมาได้ ซึ่งแฟนบอลที่ได้ดูเกมต่างก็เห็นถึงศักยภาพในตัวของนายทวารผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกองหลัง, การส่งสัญญาณบอกเพื่อนร่วมทีม, รวมทั้งความมั่นใจในการออกไปตัดบอล ทั้งหมดนี้มีอยู่ในตัวเขาแบบครบวงจร
"ผมต้องพร้อมรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง และไม่เคยคิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จมากมายเพียงใด แต่ในทุก ๆ เกมที่รออยู่ข้างหน้า ผมจะต้องเป็นคนที่เก่งขึ้น" เเรมส์เดล กล่าว
แม้แต่คนที่เคยดูถูกเขาในวันนั้น ต่างก็ออกมายอมรับและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มิเกล อาร์เตต้า มองคนขาดจริง ๆ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แรมส์เดล ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักให้กับ ‘ทัพปืนใหญ่’ อย่างเต็มตัว ทั้งในฐานะนายด่านจอมหนึบ และผู้นำในแนวรับที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมในสนาม
อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้น คงเป็นธรรมดาที่ช่วงชีวิตของคนคนนึงจะมีทั้งเรื่องดีและร้าย มีทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งตัวของ แรมส์เดล เองก็เช่นกัน ถึงแม้จะโชว์ฟอร์มเซฟได้อย่างยอดเยี่ยมจนช่วยให้ อาร์เซนอล ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 แต่เขากลับเสียตำแหน่งมือหนึ่งของทีมให้กับ ดาบิด ราย่า ในฤดูกาลต่อมาด้วยเหตุผลที่แฟนบอลต่างก็พากันเห็นอกเห็นใจเขาเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบัน แรมส์เดล ประจำการเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งให้กับ เซาแธมป์ตัน แต่ทว่าฟอร์มภาพรวมของทีมสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ลุ้นหนีตกชั้นเต็มตัว” ซึ่งการที่ต้องโยกข้าวของไปอยู่กับ ‘ทีมนักบุญ’ ในครั้งนี้ นั่นอาจจะหมายถึงการที่เขาต้องกลับไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งเหมือนกับตอนที่เริ่มต้นเส้นทางอาชีพในช่วงแรก
โชคดีจริง ๆ ที่ความผิดหวังและความผิดพลาดต่าง ๆ ในเส้นทางค้าแข้งของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และได้เรียนรู้ความเป็นมืออาชีพตั้งแต่ยังเด็กมันสอนให้เขารับมือกับความกดดันได้ดีกว่าใคร
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แฟนบอล อาร์เซนอล คนนี้ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับนายเสมอนะ อารอน แรมส์เดล !
เขียนโดย The Lite Team.
How in one