อาชีร์ เกรย์ (อาร์ชี เจมส์ ฟรานซิส เกรย์) เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2006 ปัจจุบันอายุ 18 ปี เขาเป็นหลานของ เอ็ดดี เกรย์ ตำนานแข้งของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะได้รับโอกาสก้าวเข้าสู่ศูนย์ฝึกเยาวชนของ ‘ทัพยูงทอง’ ตั้งแต่ 9 ขวบ และเคยมีชื่อบนม้านั่งสำรองในเกมพรีเมียร์ลีกที่พบกับ อาร์เซนอล ในปี 2021 แต่ทว่าก็ไม่ได้รับโอกาสในการลงสนาม

เกรย์ มีพรสวรรค์และศักยภาพสูงตั้งแต่เด็กๆ และถือเป็นดาวรุ่งที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถที่ครบเครื่อง ซึ่งนับว่ามากกว่าในหมู่นักฟุตบอลรุ่นราวคราวเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาได้รับโอกาสลงประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกในเกมแชมเปี้ยนชิพ นัดเปิดซีซั่น 2022/23 กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และได้ลงแสดงความสามารถอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนที่จะจบเส้นทางกับต้นสังกัดแรกในชีวิตด้วยการลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ทั้งหมด 52 นัด

ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะปี 2023 สื่อหลายสำนักเคยตีข่าวว่า ลิเวอร์พูล ประทับใจฟอร์มการเล่นของ เกรย์ เข้าอย่างจัง หลังเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนกลายเป็นเสาหลักในแผงมิดฟิลด์ของ ‘ทัพยูงทอง’ จนถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็มีความปราดเปรียว รวมถึงความสามารถในการเล่นได้ทั้งในตำแหน่งแดนกลาง และแบ๊กขวา

อย่างไรก็ตามในช่วงตลาดซัมเมอร์ 2024 กลายเป็น สเปอร์ส ที่ใช้เงื่อนไขฉีกสัญญามูลค่า 40 ล้านปอนด์ คว้า เกรย์ ไปร่วมทัพ ซึ่งการฉีกสัญญามีผลทันทีหลังจากที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกไม่สำเร็จ โดยดาวรุ่งรายนี้ฝากฝังอนาคตระยะยาวจนถึงปี 2030 พร้อมกับสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเจ้าของเสื้อหมายเลข 14

“ผมตื่นเต้นมากๆ ชัดเจนว่านี่คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และมันเป็นคำเชิญชวนที่ผมปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ผมตื่นเต้นและเฝ้ารอคอยที่จะได้เริ่มต้นกับทีม มันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม"

อาชีร์ เกรย์ กล่าวหลังย้ายร่วมทัพ ‘ไก่เดือยทอง’

หลังจากบทสัมภาษณ์แสนหวานของดาวรุ่งวัย 18 ปี ทางฝั่ง อังเก้ ปอสเตโคกลู นายใหญ่ของ สเปอร์ส ก็ออกมากล่าวชื่นชมลูกทีมคนใหม่ของเขาทันทีว่า

“ผมดีใจที่เขาเลือกค้าแข้งกับเรา ผมภาวนาให้อีก 2-3 ปีข้างหน้า พวกเราจะได้รับผลพวงจากพรสวรรค์ของเขา เพราะถ้าเป็นทีมอื่นได้รับประโยชน์ของเขาไป ผมคงจะเศร้ามากๆเลย”

ในช่วงเริ่มต้นชีวิตภายในรั้ว ‘ไก่เดือยทอง’ เกรย์ ต้องปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีม และสภาพแวดล้อมใหม่ โดยที่ยังไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก จนเมื่อกระทั่งสองคีย์แมนในแดนหลังอย่าง มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น และ คริสเตียน โรเมโร่ ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ นั่นจึงทำให้เขาถูกส่งลงสนามในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ซึ่งเอาจริงแล้วเขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเอาตัวรอดและรับมือกับแนวรุกของคู่แข่งได้อย่างน่าประทัยใจ มากไปกว่าน้้นหลายสื่อยังออกมาชื่นชมในความสามารถของเขามากกว่าคู่หูจำเป็นอย่าง ราดู ดรากูชิน ซะอีก

เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ลงสนามแบบไม่เกรงกลัวรุ่นพี่ตัวเก๋าของฝั่งตรงข้ามแม้แต่น้อย ไม่หวั่นไหวแม้โดนบีบให้เล่นในพื้นที่แคบ แววตาและวิสัยทัศน์ระหว่างลูกฟุตบอลกับรูปเกมสอดคล้องไปด้วยกันได้ดีมาก บุกก็เห็นทาง รับก็ประกบเร็ว นับว่าเป็นขุมกำลังสำคัญชั้นยอด ถึงแม้จะไม่ได้รับการการันตีตำแหน่งตัวจริงในเวลานี้ก็ตาม

ว่ากันว่านี่คือนักเตะอายุน้อยที่น่าจับตามองมากที่สุดคนนึงในวงการฟุตบอลเวลานี้ หากเขายังสามารถรักษาระดับการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ เชื่อว่าอีก 1-2 ปี บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่เตรียมยกหูต่อสายหาเขาอย่างแน่นอน !

เขียนโดย LS Sport 

ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง