ว่าที่ตำนาน: ‘รุด ฟาน นิสเตลรอย‘ อีกไม่นานกับคำว่า "ผู้จัดการทีม"
คำถามสำหรับเขามันเกิดขึ้นมามากมาย การรับบทบาทหน้าที่ผู้จัดการทีมไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้ แล้วเป็นเพราะอะไร? วันนี้เราจึงมาหาคำตอบกัน
รุด ฟาน นิสเตลรอย ก้าวขึ้นมาโด่งดังในฐานะนักเตะระดับตำนาน ด้วยคุณสมบัติ Striker ขนานแท้ เขาคือกองหน้าชั้นเยี่ยมที่สามารถจบสกอร์ได้ทุกรูปแบบจากผลงานที่ฝากไว้กับ ฮีเรนวีน, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ ฮัมบูร์ก แค่เพียงเท่านี้ก็คงยากที่จะปฏิเสธว่าเขาคือผู้เล่นระดับหัวแถวของโลกใบนี้ได้อย่างไร
เพื่อไม่ให้เสียเวลา! เราข้ามมาที่ชีวประวัติการเป็นผู้จัดการทีมของ ‘พี่ม้า‘ กันเลยดีกว่า อย่างแรกทุกคนคงจะสงสัยว่านักเตะที่มีความเป็น Artist สูง และชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง จะเหมาะกับงานโค้ชหรือไม่?
ครั้งหนึ่งเขาเคยให้คำตอบในเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะประกาศแขวนเกือกเอาไว้ว่า "เขาสนใจงานโค้ช และพร้อมจะเรียนรู้ทันทีหลังเลิกอาชีพนักฟุตบอล" แค่เพียงประโยคเดียวก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาตั้งใจต่อยอดในเส้นทางนี้โดยเฉพาะ
เขาเริ่มต้นสายงานนี้ด้วยการได้รับโอกาสคุมทีมชุด U17 ของสโมสรพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้รูปแบบของการทดลองงาน ซึ่งถ้าถามว่าเขาเป็นโค้ชที่เก่งแค่ไหน? ความจริงก็คือในเวลานั้นไม่มีใครตอบได้อย่างชัดเจน เนื่องจากเขาคุมทีมได้ไม่นานก็ถูกเทียบเชิญจากสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ ให้เข้ามาเป็นมือขวาของ ‘กุส ฮิดดิงค์‘ หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2014
สัญญาณการเป็นโค้ชของเขาเริ่มชัดเจนในบทบาทผู้ช่วยผู้จัดการทีม ‘ทัพอัศวินสีส้ม‘ โดยมีการพูดคุยและวางแผนอย่างละเอียด ว่ากันว่าพวกเขาประชุมกันถึงทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2018 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม รุด ฟาน นิสเตลรอย ถูกเรียกตัวกลับเข้ามาคุมทีม U19 (PSV) อีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นสัญญาแบบจริงจัง และแน่นอนว่าเขาพร้อมแล้วที่จะใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเพื่อข้ามไปสู่การเป็นกุนซือใหญ่ในอนาคต ซึ่งโอกาสนั้นก็มาถึงเขาในปี 2022 โดยหลังากที่ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เผชิญวิกฤตบนตารางคะแนนแบบไม่มีอะไรจะเสีย พวกเขาจึงตัดสินใจกล้าเสี่ยงที่จะจิ้ม ฟาน นิสเตลรอย ขึ้นคุมบังเหียนคนใหม่อย่างไม่ทันตั้งตัว
ทันทีที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ขึ้นแท่นเฮดโค้ชของทีมชุดใหญ่ เขาได้เปลี่ยน ‘พีเอสวี‘ จากจุดที่มืดสนิทจนย่างก้าวเข้าสู่แสงสว่างภายในระยะเวลาอันสั้นด้วยการคว้าชัยชนะถึง 4 จาก 5 เกมแรก และทำประตูได้มากถึง 19 ลูก นับว่าเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดากูรูชั้นนำได้เป็นอย่างดีสำหรับการเป็นกุนซือพ่อใหม่ป้ายแดง
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสร ถูกเปิดเผยว่าเขามักจะให้อิสระกับนักเตะพอๆกับการให้ความสำคัญทางด้านแท็คติก นอกจากนี้เขายังเน้นเรื่องทัศนคติมากกว่าเรื่องของข้อมูลตัวเลขสถิติลมๆแล้งๆ เช่นเดียวกันกับการฝึกซ้อมที่จะต้องแสดงให้แน่ใจทุกครั้งว่า “ทุกความเข้มข้นในแต่ละวันจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเหนื่อยล้าของเหล่านักเตะภายในทีมจนมากเกินไป”
และด้วยแท็คติกการไม่พึ่งพากับนักเตะคนใดคนหนึ่งมากเป็นพิเศษ ผสมกับความยืดหยุ่นในสนาม ส่งผลให้ ‘พีเอสวี‘ ขยับจากทีมอันดับที่ 12 บนตารางจนพุ่งขึ้นจบในอันดับที่ 2 ของลีก และคว้าแชมป์ โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ กับฟุตบอลถ้วยอย่าง KNVB คัพ (ชนะ อาแจ็กซ์) ซึ่งถือเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์แรกในอาชีพการคุมทีมของเขาอีกด้วย
อย่างไรก็ตามบทบาทการเป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่ของ ‘พีเอสวี‘ ก็ถึงคราวอวสานด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี ด้วยเหตุผลที่ให้สัมภาษณ์ว่า “เขาไม่พอใจที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหารมากพอ หลังจากที่คุยเรื่องสัญญาระยะยาว”
และอย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันนี้ รุด ฟาน นิสเตลรอย กำลังดำรงตำแหน่งมือขวาของ เอริค เทน ฮาก ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และดูเหมือนว่าบทบาทของเขาที่ได้รับมอบหมายก็คือการทำหน้าที่วิเคราะห์เกม และนำสิ่งที่ผู้จัดการทีมวางแผนเอาไว้ไปกระจายสู่นักเตะ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่ให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก
จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดอาจเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเหตุผลว่าทำไม ‘รุด ฟาน นิสเตลรอย‘ ถึงมีชื่อเป็นแคนดิเดตเฮดโค้ชคนใหม่ของ ‘ทัพปีศาจแดง’
แล้วคุณล่ะ อยากเห็นเขาคุมทีมที่คุณรักบ้างไหม?
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง