สภาลูกหนัง: เปิดฉากไปแล้วกับ UCL รูปแบบใหม่
จบกันไปเรียบร้อยสำหรับแมตช์เดย์แรกของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ ที่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน และมีเพิ่มเข้ามาอีก 4 ทีม ซึ่งรับรองได้เลยว่าดูกันตาแฉะแน่นอน
โลกหมุนไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ฟุตบอลที่เรา ‘อดตาหลับขับตานอน’ เพื่อรอรับชมกันแบบที่เวลาไม่เป็นใจให้กับไทม์โซนชาวเอเชียแบบเรา ๆ
กว่าที่ฟุตบอลจะเป็นแบบที่เรา ๆ ทั้งหลายได้เสพย์กันในทุกวันนี้ ก็มีการปรับปรุง พัฒนาในหลาย ๆ ด้านมาก่อน ทั้งในเรื่องของกฎกติกา รวมถึงรูปแบบการแข่งขัน และในปีนี้ก็เป็นคิวของรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของระดับสโมสรอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ต้องบอกก่อนเลยว่าสำหรับตัวผมนั้นตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ที่เขาได้ประกาศออกมาแล้ว จนมาถึงในพิธีการจับสลากประกบคู่ที่วิธีการเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ และรวบรัดจนอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ล็อก’ เอาไว้บ้างรึป่าววะ
ซึ่งวิธีที่ใช้ในปีนี้นั้นมาจากที่ จีจี้ บุฟฟ่อน เป็นคนจับชื่อสโมสรขึ้นมา และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นคนกดปุ่มตรงกลาง แล้วทุกอย่างก็ไล่เรียงประกบคู่มาให้ครบเรียบร้อยทั้ง 8 เกมที่ทีม ๆ นั้นจะต้องลงเล่น
เข้าใจแหละครับว่าป้อนข้อมูลให้กับ AI ทำงานไป แต่ก็อดที่จะมองโลกในแง่ร้ายไม่ได้จริง ๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของโปรแกรมการแข่งขันที่จากปกติเตะกันแค่ 2 วันคือวันอังคารและวันพุธ เปลี่ยนมาเพิ่มอีก 1 วันคือวันพฤหัสบดี ซึ่งก็จะแบ่งเป็นวันละ 6 คู่ และจะมี 2 คู่ที่ได้ลงเล่นก่อน และอีก 4 คู่ในรอบดึกของวันนั้น ๆ อีกด้วย
อันนี้ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ถ้ายังเตะเหมือนเดิม 2 วัน วันละ 9 คู่ แล้วเตะพร้อมกันอีก ใครมันจะไปดูพร้อมกันได้ทุกคู่ล่ะครับ เลยต้องกระจายออกมาเป็นในรูปแบบนี้
แน่นอนว่าพอเปลี่ยนมาให้ทุกสโมสรอยู่ในลีกเดียวกัน ความเข้นข้นก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณเลย โดยเฉพาะเมื่อมีแค่ 8 อันดับแรกที่ได้เข้าไปนอนรอในรอบน็อคเอาท์ แล้วอีก 16 ทีมถัดมา (อันดับที่ 9-24) จะต้องไปเหนื่อยต่อไปในรอบเพลย์ออฟ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วก็ ‘ปิ๋ว’ ไปเลยครับ ไม่มีตกไปเล่นใน ยูโรป้าลีก เหมือนแต่ก่อนแล้วด้วย
เพราะฉะนั้นแล้ว พลาดไปแค่ 1 เกมหรือประตูได้เสียเป็นรองคู่แข่งเพียงแค่ 1 ประตู คุณอาจจะอันดับรูดลงมาได้เลย
ดูได้จาก 18 คู่ที่ผ่านมา มีผลแพ้ชนะไปถึง 15 เกมด้วยกัน ส่วนอีก 3 คู่ก็แบ่งกันไปคนละ 1 คะแนน อยู่กลางตารางแบบเซฟ ๆ ไปก่อน
สำหรับจ่าฝูงในเกมแรกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ บาเยิร์น มิวนิค ที่เปิดบ้านถล่ม ดินาโม ซาเกร็บ ไปแบบเละเทะด้วยสกอร์ 9-2 ซึ่งแน่นอนว่าในแง่กลับกันก็ส่งผลให้ผู้มาเยือนต้องจมเป็นบ๊วยของตารางด้วยเช่นกัน
ส่วนทางฟากของ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ที่แม้ว่าจะชนะก็จริง แต่ชนะแบบจุ๋มจิ๋มด้วยสกอร์แค่ 1-0 ก็รั้งอยู่ในอันดับ 15 นู้นเลยครับ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปแหละครับว่าประตูก็มีส่วนสำคัญกับการแข่งขันในรูปแบบใหม่พอสมควรเลย
จากเท่าที่ดูมาในแมตช์เดย์แรก ทำให้เห็นได้เลยว่าทุกเกมนั้นมีความสำคัญ ไม่เหมือนกับแต่ก่อน ที่พอเตะ 4 เกม การันตีเข้ารอบไปแล้วก็จะพักตัวผู้เล่นหลัก ส่งสำรองลงไปเล่นในอีก 2 เกมที่เหลือ โดยเฉพาะกับเกมเหย้าที่คุณต้องเก็บ 3 คะแนนมาให้ได้ในทุก ๆ เกม
ทั้งนี้จากการคำนวณของ Opta ก็ระบุว่า คุณต้องได้อย่างน้อย 17 คะแนนถึงจะการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือติด 1 ใน 8 อันดับแรกนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าจาก 8 เกมต้องชนะอย่างน้อย 5 เกมและเสมออีก 2 เกม
แต่ถ้าอยากเข้ารอบ แต่ยอมเหนื่อยอีก 2 เกมในการเพลย์ออฟ ก็ต้องเก็บให้ได้อย่างน้อย 10 คะแนน หรือชนะ 3 เสมอ 1 ก็เพียงพอต่อการติดอยู่ในอันดับที่ 9-24 แล้ว
แหม่… เห็นตัวเลขแล้วก็เหนื่อยแทนนักเตะเลยครับ
สุดท้ายแล้ว รูปแบบการแข่งขันใหม่นี้ก็เป็นกำไรสำหรับ ‘คนดู’ อย่างเรานี่แหละครับ และตัวผมก็เชื่อเลยว่ายิ่งแข่งไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งเข้มข้น และไม่มีเกมที่ชวนง่วงมาให้เราได้ดูแน่นอนครับ
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.