สภาลูกหนัง: บทสรุป ‘พรีเมียร์ลีก’ ก่อนเบรกทีมชาติ
ทีมเต็งแชมป์หลายต่อทีมต่างก็ทำผลงานได้ตามมาตรฐานกับ 3 เกมแรกของฤดูกาล 2024-25 รวมถึงบางทีมที่โชว์ฟอร์มได้ดีได้เกิดคาด และอีกหลายทีมที่น่าผิดหวังแทนแฟนบอลของทีมนั้น ๆ เหลือเกิน
เริ่มต้นกันที่ทีมแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่รักษามาตรฐานได้ดีจนอยากถาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าเลี้ยงดูลูกทีมกันยังไงครับเนี่ย ด้วยผลงานการลงเล่น 3 นัด ชนะรวดทั้ง 3 เกม
นอกจากนี้ฟอร์มการเล่นของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็ไม่แผ่วลงเลย โดยที่ซัดแฮตทริกไปแล้ว 2 หน รวมแล้วยิงไปถึง 7 ประตูจากการลงเล่นเพียงแค่ 3 เกมแรกของฤดูกาล เห็นทรงแบบนี้แล้ว ‘รางวัลดาวซัลโว’ จะหนีไปไหนได้ล่ะครับ
ตามมาด้วยทีมเปลี่ยนโค้ชแต่ความดุดันไม่ได้ลดลงไปเลย นั่นก็คือ ลิเวอร์พูล นั่นเอง ที่เพิ่ง ‘เอาท์คลาส’ ใส่คู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบหมดรูป และเป็นอีกทีมที่คว้าชัยรวดทั้ง 3 เกม แถมยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียวอีกด้วย
ก่อนอื่นก็ต้องชื่นชม อาร์เน่อ สล็อต ที่เข้ามาทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ แม้ว่าจะมีนักเตะเข้ามาเสริมทัพเพียงแค่รายเดียว รวมถึงยังรีดศักยภาพของนักเตะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จะเรียกได้ว่า ‘หงส์แดง’ ชุดนี้เล่นได้เดือดดาลไม่แพ้ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อป เลยก็ว่าได้
ทางฟากของรองแชมป์ 2 สมัยซ้อนอย่าง อาร์เซนอล เองก็ร้อนแรงเช่นเคย แม้ว่าในเกมล่าสุดจะสะดุดเสมอมาก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าทีมของ มิเกล อาร์เตต้า มักจะต้องเผชิญกับคำตัดสินที่ ‘ไม่เป็นธรรม’ อยู่บ่อยครั้ง และล่าสุดทางด้าน ดีแคลน ไรซ์ ก็โดน 2 เหลืองแบบค้านสายตาแฟนบอลทั่วโลก
ทั้งนี้นักเตะใหม่ของ ‘ปืนใหญ่’ ก็ยังไม่ได้ออกมาแผลงฤทธิ์อะไรกันมากมายนัก โดยที่ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ได้รับโอกาสกับการเป็นแค่ตัวสำรองใน 2 เกมหลังสุด รวมถึงตัวของ มิเกล เมริโน่ ที่ดันดวงแตกมาบาดเจ็บในระหว่างการฝึกซ้อม และต้องพักยาวถึง 4 สัปดาห์ด้วยกัน
สำหรับทีมที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรับตัวผมก็คือ ไบรท์ตัน ในยุคของเฮดโค้ชคนใหม่อย่าง ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ ที่มาพร้อมสถิติการเป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดของ พรีเมียร์ลีก ด้วยวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น แหม่… เดินเข้าสนามซ้อมนี่อาจต้องยกมือไหว้นักเตะบางคนได้เลยนะ
ด้วยการที่เข้ามาสานต่อมรดกของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กับตัวผู้เล่นที่ฝีเท้าจัดจ้านที่มีอยู่ในทีม ทำให้ ‘นกนางนวล’ ยังเป็นอีกหนึ่งทีมที่ยังคงทำสถิติไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ พร้อมรั้งอยู่ในอันดับ 3 บนตารางคะแนนแบบสวย ๆ
ส่วนทีมที่น่าผิดหวังที่สุดหรับตัวผมก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายอย่างหลังบ้าน แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมยังคงเห็นปัญหาเดิม ๆ ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอะไรเลย โดยเฉพาะกับความผิดพลาดที่เห็นได้ชัดจากในเกม ‘แดงเดือด’ หนล่าสุด
ไม่แน่นะครับ เอริก เทน ฮาก อาจเป็นผู้จัดการทีมคนแรก ๆ ที่กระเด็นออกจากตำแหน่งก็ได้ ยังไงพวกเขาก็มีอดีตดาวยิงขวัญใจอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่พร้อมเข้ามาเสียบได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว
อีกหนึ่งทีมคงหนีไม่พ้น เอฟเวอร์ตัน ที่ตัวกุนซืออย่าง ฌอน ไดช์ ก็ส่อแววตกงานก่อนใครเพื่อนเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าที่เห็นได้ชัดคือในเกมล่าสุดที่แพ้ให้กับ บอร์นมัธ ทั้ง ๆ ที่นำ 2 ประตูมาจนกระทั่งนาทีที่ 87 มาโดนรัว 3 เม็ดรวดจน ‘คาบ้าน’ แบบช็อกแฟนบอลทั้งสนาม
นอกจากนี้ ยังรวมถึง วูล์ฟแฮมป์ตัน และ คริสตัล พาเลซ ที่เล่นได้ค่อนข้างหวือหวาตามสไตล์ แต่กลับไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ ก็ต้องรอดูกันว่าเฮดโค้ชทั้ง 2 ทีมจะแก้ไขอย่างไร เพราะว่าเสียผู้เล่นคนสำคัญไปเหมือน ๆ กันในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ทางฟากทีม ‘น้องใหม่’ ทั้ง 3 สโมสรก็ยังไม่มีทีมใดที่คว้าชัยชนะมาได้เลย แต่ถ้าว่ากันตามตรงก็เป็นไปตามมาตรฐานของทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับมาแหละครับ ของแบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับการลงเล่นบนลีกสูงสุดกันหน่อย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่อจากนี้ก็จะเว้นว่างไป 1 สัปดาห์ให้กับโปรแกรมการแข่งขันทีมชาติ และโปรแกรมลีกของเกาะอังกฤษจะกลับมาโม่แข้งกันอีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ที่ 14 กันยายนและวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน ซึ่งแน่นอนว่า ‘บิ๊กแมตช์’ ประจำสัปดาห์ก็คงหนีไม่พ้นศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ แล้วถึงเวลานั้น เราจะกลับมาพบกันใหม่ครับ
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.