สภาลูกหนัง: ทีมใหญ่มาตามนัด แมตช์เดย์แรก ‘พรีเมียร์ลีก’
จบลงไปกันครบทุกคู่แล้ว สำหรับเกมนัดเปิดฤดูกาลของทั้ง 20 สโมสรบนลีกสูงสุดของอังกฤษ ก็อาจจะยังไม่ได้เห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่างมากนัก แต่เดี๋ยวเราลองมาสรุปถึงผลงานของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่แบบคร่าว ๆ กัน
มีหลายสโมสรที่เล่นได้อย่างที่แฟนบอลคาดหวังเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ รวมถึงมีบางสโมสรที่เจอกับปัญหาตัวผู้เล่นตั้งแต่เกมแรกของซีซั่น แต่ก็ยังมีแต้มติดไม้ติดมือมาได้ มาไล่เรียงกันตั้งแต่คู่แรกเลยครับ
เปิดหัวมาก็เริ่มกันด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ ฟูแล่ม ที่เตะกันตั้งแต่คืนวันศุกร์ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าแปลกที่มาเปิดซีซั่นกันในวันนี้ เอาจริง ๆ มีมาหลายซีซั่นแล้วนะครับ เพียงแต่บางครั้งเป็นคู่ที่มีพลังดึงดูดแฟนบอลไม่มากพอเท่านั้นเอง
แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ 3 แต้มแรกที่ต้องการ แม้ว่าจะยืดเยื้อมาจนถึงช่วงท้ายเกมก็ตาม ซึ่งก็เป็นนักเตะใหม่อย่าง โจชัว เซิร์กซี ที่ทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกของเจ้าตัว ฟอร์มโดยรวมก็ถือว่าดูดีขึ้น โดยเฉพาะการเพรสซิ่งที่ดูเป็นระบบมากกว่าเดิม รวมถึงยังไม่เห็นปัญหาที่ทำให้เสียประตูบ่อยจากในซีซั่นที่แล้ว
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการคว้าชัยในเกมนัดเปิดฤดูกาลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันของ เอริก เทน ฮาก อีกด้วย หลังจากที่ในฤดูกาลแรกเปิดหัวมาด้วยการโดน ไบรท์ตัน ล่อคาบ้านไป
ข้ามที่คู่แรกของวันเสาร์ และก็เป็นนัดแรกของ อาร์เน่อ สล็อต ที่ทำทีมได้ดุดันไม่ต่างจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ เลย แม้ว่าจะดูติด ๆ ขัด ๆ ในช่วงครึ่งแรก แต่ก็มีการแก้เกมเร็วและตรงจุด รวมถึงความยอดเยี่ยมของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำไป 1 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เก็บ 3 คะแนนไปได้
ซึ่งเกมนี้ยังนับเป็นเกมที่ 350 ของดาวเตะทีมชาติอียิปต์ในสีเสื้อของ ‘หงส์แดง’ และขึ้นแท่นเป็นแข้งคนเดียวที่ซัดประตูในเกมเปิดซีซั่นได้ถึง 9 ประตู
ย้ายกันมาที่คู่ 3 ทุ่ม ทุกสายตาล้วนจับตาไปยัง อาร์เซนอล ที่มีลุ้นแชมป์แบบหวาดเสียวมาถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และคาดหวังว่าน่าจะทำได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งสตาร์บอยอย่าง บูกาโย่ ซาก้า ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยิงไป 1 และแอสซิสต์ไปอีก 1 ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไปได้
หลังจากที่จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์มา 2 ฤดูกาล ก็ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า น่าจะต้องกำชับลูกทีมให้เล่นแบบมุ่งมั่นกันมากกว่าเดิม แต่ด้วยสถิติการเสียประตูที่น้อยที่สุดเมื่อปีก่อน บวกกับขุมกำลังที่เติมเข้ามา ก็คิดว่าพวกเขาน่าจะมีเปอร์เซ็นต์มากกว่าขึ้นกว่าเดิมที่จะก้าวไปถึงแชมป์ได้ในปีนี้
ทีมนี้ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นจ่าฝูง ณ เวลานี้ นั่นก็คือ ไบรท์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ ที่มีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น ลูกทีมบางรายยังอายุมากกว่าเลยด้วยซ้ำ แต่อายุก็เพียงตัวเลขแหละครับ ประโยคที่ว่า “คุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ” ก็แสดงให้เห็นออกมาในเกมนี้ ด้วยการบุกไปทุบ เอฟเวอร์ตัน แบบสู้ไม่ได้เลย
แม้ว่าจะเสียตัวหลักอย่าง ปาสกาล โกรส ไปให้กับ ดอร์ทมุนด์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องรอดูกันยาว ๆ ว่าพลพรรค ‘นกนางนวล’ จะรักษาฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอเอาไว้ได้มากน้อยเพียงใด และจะได้กลับไปโลดแล่นในเวทียุโรปอีกครั้งหรือไม่
ขอข้ามมาที่คู่สุดท้ายของวันอาทิตย์เลยนะครับ ซึ่งถือเป็น ‘บิ๊กแมตช์’ นัดแรกของฤดูกาลนี้ เป็นการพบกันระหว่างศิษย์และอาจารย์อย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
มาเรสก้า เพิ่งเข้ามารับงานคุมทีม เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ และผลงานในช่วงปรีซีซั่นก็ไม่ได้ดีอะไรเลย ชนะได้เพียงเกมเดียวจาก 6 เกมที่ตะเวนอุ่นเครื่องไปทั่ว โดยในเกมแรกอย่างเป็นทางการก็ตามคาดครับ โดนแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สอนบอลไปเบา ๆ ด้วยสกอร์ 2-0
แมนฯ ซิตี้ นี่ก็คือ แมนฯ ซิตี้ อ่ะครับ แม้ว่าจะไม่มีห้องเครื่องอย่าง โรดรี้ แม้ว่าจะปล่อยแข้งแชมป์โลกอย่าง ฮูเลียน อัลวาเรซ แต่ก็ยังคงทำผลงานได้ตามแบบฉบับของพวกเขา และยังคงเป็นเต็งที่ได้โทรฟี่ไปในปีนี้
ปิดท้ายกันที่ค่ำคืนวันจันทร์ โดยที่ตัวผมหวังที่จะเห็นเกมรุกอันดุดันของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นแหละครับ เพียงแต่ว่าพวกเขายังคงมีปัญหาเดิม ๆ เรื่องของการจบสกอร์ที่ไม่เฉียบคม แม้ว่าจะเสริมดาวยิงอย่าง โดมินิค โซลันเก้ มาก็ตาม
รวมถึงยังต้องชมความยอดเยี่ยมของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำตัวไม่เหมือนกับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา นอกจากนี้ เจมี วาร์ดี้ ที่เหมือนกับขิง ยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด ใช้โอกาสไม่เปลือง เปรี้ยงเดียวหายเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ฟุตบอลก็เพิ่งเล่นกันไปแค่นัดเดียว ก็ยังคงตัดสินอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ต้องรอดูกันไปเรื่อย ๆ ครับ อีก 30 กว่าเกมนั่นแหละครับ ถึงจะรู้ดำรู้แดงว่าสุดท้ายแล้วทีมที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก จะยังเป็นหน้าเดิมเหมือน 4 ปีที่ผ่านมาหรือเปล่า
เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.