สภาลูกหนัง: พริบตาเดียวก่อนปิดฤดูกาล 2023-24
ใกล้ที่จะได้บทสรุปของฤดูกาล 2023-24 ของทุกรายการกันเข้าไปทุกขณะ ทั้งในถ้วยยุโรปทั้ง 3 รายการ และโดยเฉพาะลีกขวัญใจแฟนบอลชาวไทยอย่าง พรีเมียร์ลีก ที่น่าจะขับเคี่ยวกันจนถึงเกมสุดท้าย
เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ทราบกันไปแล้วว่ารอบชิงชนะเลิศของทั้ง แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก และ คอนเฟอเรนซ์ลีก เป็นทีมไหนกันบ้าง มีทั้งทีมที่คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก รวมถึงทีมที่พลิกล็อกเข้ามาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
เริ่มต้นจากคู่ชิงของ แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งแน่นอนว่าต้องมี เรอัล มาดริด ขาประจำของรายการนี้และยังครองแชมป์มากที่สุดถึง 14 สมัยอีกด้วย และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่น่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับใครหลาย ๆ คนได้
รอบชิงชนะเลิศของ ‘ถ้วยหูโต’ เกือบที่จะเป็นการพบกันของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีแล้ว หลังจากที่ ‘เสือใต้’ ขึ้นนำด้วยสกอร์ 1-0 จนกระทั่งนาทีที่ 88 ของเกมที่ โฆเซลู มาทำประตูตีเสมอได้และก็เป็นอีตาคนเดิมนี่แหละที่มาทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และพา ‘ราชันชุดขาว’ เข้าไปชิงชัยได้แบบฉิวเฉียด
ทางด้านของรายการ ‘พี่รอง’ อย่าง ยูโรป้า นี่ก็เกือบจะพลิกล็อกเช่นกัน จากที่ โรม่า นำอยู่ 2-0 และเกือบจะไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษกันแล้ว แต่ทาง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ฤดูกาลนี้ โกงความตายมาไม่รู้กี่หนแล้ว มาตีเสมอได้ในนาทีสุดท้ายพอดิบพอดี และได้ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ รวมถึงสร้างสถิติไม่แพ้ในฤดูกาลนี้ต่อไป
ส่วนคู่ชิงของพวกเขาก็ไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใด นั่นก็คือ อตาลันต้า ที่โชว์ฟอร์มดุทุบ มาร์กเซย เละเทะ ซึ่งทีมจาก เซเรียอา ก็ทำได้ดีมาตั้งแต่เกมที่ไปเยือน แอนฟิลด์ แล้วล่ะ
ถือเป็นอีกรายการที่น่าติดตาม ไม่ใช่เพราะตัวผู้เล่นหรืออะไรหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะอยากจะดูว่า ชาบี อลอนโซ่ จะสามารถพา ‘ห้างขายยา’ ไร้พ่ายได้จนถึงเกมสุดท้ายของฤดูกาลหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ส่วนทางฟากของ ‘น้องเล็ก’ อย่าง คอนเฟอเรนซ์ลีก ก็ถือว่ามีพลิกเหมือนกันจากการที่ แอสตัน วิลล่า ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แม้ว่าจะเป็นตัวเต็งในรายการนี้ก็ตาม รวมถึงมีกุนซือที่ถือว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งฟุตบอลยุโรปอย่าง อูไน เอเมรี่ กุมบังเหียนอยู่ด้วย
พวกเขาก็พ่ายแพ้ให้กับ โอลิมเปียกอส ไปแบบน่าผิดหวังทั้งเหย้าและเยือนกันเลยทีเดียว โดยที่ทีมจากกรีซจะต้องเจอกับ ฟิออเรนติน่า ที่ได้เข้ามาแก้มือในรายการนี้อีกครั้ง หลังจากที่ปีก่อนพ่ายแพ้ให้กับ เวสต์แฮม ไปแบบน่าเจ็บใจจากลูกยิงของ จาร็อด โบเว่น ในนาที 90 พอดิบพอดี
ข้ามมาทางฟากของลีกใหญ่ในยุโรปกันบ้าง ซึ่งในเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่ พรีเมียร์ลีก ที่ยังไม่ได้บทสรุปว่าใครจะได้ครองแชมป์ในปีนี้ ไม่เหมือนกับลีกอื่น ๆ ที่ปิดฉากกันเร็วกันเหลือเกิน
ขอไล่เรียงไปจากลีกที่รู้ผลเร็วสุดกันก่อนเลยนะครับ เริ่มจาก บุนเดสลีกา ที่ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกมาได้ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ และยังเป็นการหยุดสถิติของ บาเยิร์น ที่ผูกขาดมานานร่วม 11 ฤดูกาล
ตามมาด้วย เซเรียอา ที่ตกเป็นของ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งเป็นการการันตีแชมป์หลังจากที่ชนะในเกมดาร์บี้ เหนือ เอซี มิลาน ได้อีกด้วย ส่งผลให้พวกเขาคว้า สคูเด็ตโต้ เป็นสมัยที่ 20 แซงหน้าคู่แข่งร่วมเมืองไปแล้วอีกต่างหาก เจ็บปวดทั้งขึ้นทั้งร่องกันเลยทีเดียว
จากนั้นเป็นคิวของ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ที่เถลิงบัลลังก์เป็นครั้งที่ 10 ในรอบ 12 ปีมาได้ แต่ก็อย่างว่าอ่ะครับ ทุ่มทุนกันเยอะแยะทุกปี ไม่ได้แชมป์ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็เป็น เรอัล มาดริด นี่เอง ที่ต้องไปขอบคุณ กิโรน่า ที่ช่วยยัดเยียดความปราชัยแก่ บาร์เซโลน่า จนคะแนนขาดไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ต้องพะวงกับเกมลีกและไปมุ่งมั่นกับเกมยุโรปได้แบบเต็มร้อย
และท้ายสุดก็คือลีกมหาชนอย่าง พรีเมียร์ลีก ที่เหลือม้าเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้นในตอนนี้ นั่นก็คือ อาร์เซนอล ที่นำเป็นจ่าฝูงด้วยการมี 1 คะแนนเหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ทางฟากของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีเกมอยู่ในมือมากกว่า
ดูทรงแล้วจากเกมที่เหลืออยู่ของทั้งคู่ ก็ไม่น่าที่จะใช่งานยากเย็นอะไรเท่าไหร่ และคาดว่าคงต้องลุ้นไปยันเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล เพื่อตัดสินว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายครองแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษไปครองในปีนี้
เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.