Gooner Journey: จะได้แชมป์หรือเปล่าไม่รู้ แต่อยากบอกว่า "ลอนดอนเหนือสีแดง"
North London Derby ชื่อนี้การันตีความเดือดดาลแบบขั้นสุด ถึงแม้อันดับของทั้งสองทีมจะห่างกัน แต่แพชชั่นในสนามมันปะทุออกมาชนิดที่เรียกว่า "เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง"
อาร์เซนอล บุกไปเฉือนเจ้าถิ่นได้แบบหงุดหวิดเกือบขิตตาย หลังออกนำไปก่อนในครึ่งแรกถึง 3-0 แต่ก็ไม่วายโดนคู่แข่งฟาดกลับมาได้ 2 ลูก ต้องลุ้นเหนื่อยจนถึงวินาทีสุดท้ายของเกม และนี่คือประเด็นที่น่าสนใจจากแมตซ์นี้
1. ไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนหน้าเป้าได้ดีกว่าคนอื่น
นอกจาก 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ เชื่อว่าแฟนปืนส่วนใหญ่คงได้เห็นกันมาตลอดในระยะหลังว่าการมี ’คิงไค’ ปักหลักอยู่ในแดนหน้าย่อมส่งผลให้รูปแบบเกมรุกของทีมไหลลื่นกว่าปกติ เนื่องด้วยคุณสมบัติของเจ้าตัวที่ยืนตำแหน่งได้ถูกที่ถูกเวลา หรือแม้กระทั่งการวิ่งทำทางหาช่อง มันแผ่อานิสงส์ให้ปีกทั้งสองฝั่งอย่าง บูกาโย่ ซาก้า และ เลอันโดร ทรอสซาร์ด เล่นได้อย่างอิสระ อีกทั้งการวางบอลยาวจาก ดาบิด ราย่า จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อมี ฮาแวร์ตซ์ เป็นคนคอยพักบอลนั่นเอง
2. ลูกตั้งเตะ อาวุธลับแห่งฤดูกาล!
อีกหนึ่งทีเด็ดที่ทำให้ อาร์เซนอล โบยบินอยู่ในเวลานี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการเล่นลูกเซ็ตพีชที่เอาไว้ขู่ชาวบ้านชาวช่องเขา โดยเฉพาะลูกเตะมุมที่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์มาได้นักต่อนัก รวมไปถึงฟรีคิกระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม บ่อยครั้งที่ผู้บรรยายเกมมักบอกว่า "นี่เตะมุมหรือลูกจุดโทษกันแน่" ไอ้เราเป็นแฟนบอลก็ได้แต่แอบยิ้มมุมปาก ก็ใช่น่ะสิ! เกมนี้จัดไป 2 เตะมุมเลยทีเดียวเชียว
3. กาเบรียล มาร์ติเนลลี เปลี่ยนไป
หลังจากเสียตำแหน่งให้กับ เลอันโดร ทรอสซาร์ด ก็ไม่รู้น้องมันไปแอบน้อยอกน้อยใจมาตอนไหนถึงได้ฟอร์มดรอปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะความเฉียบคมในการจบสกอร์หลังมีโอกาสหลุดเดี่ยวไปดวลกับผู้รักษาประตูทั้งในเกมกับ เชลซี และในเกมนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการมีเจ้าตัวอยู่ในสนามมันดูไม่อันตรายแบบเดิมกับภาพที่เราคุ้นตา จุดเด่นที่มีทั้งความเร็วและความคล่องตัวถูกกลืนกินไปกับการประทับก้นบนม้านั่งสำรองไปซะหมดแล้ว หวังว่าซีซั่นหน้าจะกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้งนะไอ้หนุ่ม
4. ดาบิด ราย่า กับความผิดพลาดที่เกือบพังทั้งทีม
ถึงแม้ว่า สเปอร์ส จะครองบอลได้เหนือกว่าในเกมนี้ แต่พิษสงความอันตรายของพวกเขาไม่ใกล้เคียงกับการลั่นสกอร์ใส่ อาร์เซนอล ได้เลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งมือกาวชาวสเปนก่อความผิดพลาดส่วนบุคคลกลายเป็นส่งบอลให้คู่แข่งยิงระยะเผาขนจนเหมือนเป็นการตุกแรงฮึดของทางเจ้าถิ่นให้กลับมาโขยกใส่ ’ขุนพลปืนใหญ่’ ทันที และก็เข้าอีหรอบเดิม "เกือบยุบสิครับท่าน รออะไร"
จากชัยชนะเหนือทั้ง เชลซี และ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ ขอประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่า "London is Red" เกมต่อไปเปิดบ้านรับ บอร์นมัธ ลุยยยย!
เขียนโดย The Lite Team
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง