เดือดกว่าแดดแดนสยาม กับการหนีตายของเหล่าทีมใน รีโว่ ไทยลีก
อุณหภูมิที่ร้อนสุดขั้วส่งท้ายเดือนเมษายน การได้นั่งดูบอลพร้อมเปิดแอร์เย็นๆ ดูเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับใครหลายๆ คน ส่วนบางคนก็ยอมทนร้อนไปเชียร์ทีมรักถึงขอบสนาม เพราะอยู่ในช่วงท้ายของฤดูกาล โดยเฉพาะเหล่าทีมที่กำลังหนีตายไม่ให้ร่วงตกชั้นอยู่
รีโว่ ไทยลีก ฤดูกาลนี้เหลือโปรแกรมอีกเพียง 4 นัด หลัง แบงค็อก ยูไนเต็ด พลาดเสมอไปในนัดที่ผ่านมา ก็แถบจะการันตีแชมป์ให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่หนีห่างออกไปเป็น 5 คะแนน โดย ‘ปราสาทสายฟ้า’ ต้องแพ้ถึง 2 นัดจึงจะพลาดแชมป์ แต่ในฤดูกาลนี้พวกเขาพ่ายเพียงเกมเดียวเท่านั้น ดังนั้นทีมจากอีสาน น่าจะครองแชมป์ต่อไปอีกสมัย
แต่โซนที่สู้กันเดือดที่สุดคือการหนีตายในฤดูกาลนี้กับอีก 12 คะแนนให้แย่งชิงกัน ตามทฤษฎี ทีมที่ยังมีโอกาสตกชั้นมีอยู่ถึง 11 ทีม ทีมอันดับ 6 อย่างราชบุรี เอฟซี มีแต้มนำ ชลบุรี เอฟซี ที่อยู่ในอันดับ 14 เพียง 9 คะแนนเท่านั้น
ด้วยความสูสีของปีนี้ ทำให้ฟันธงยากว่าใครจะเป็น 3 ทีมที่ต้องตกชั้นไป เพราะแต่ละทีมฟอร์มไม่ได้แตกต่างกันมากนัก บางวันที่ผีเข้า พวกเขาก็เอาชนะได้ แต่บางวันก็มีแพ้แบบงงๆ ให้เห็นเช่นกัน ผิดกับหลายๆ ฤดูกาล ที่จะมีอย่างน้อย 1-2 ทีม ที่บอลคนละเกรด กับเหล่าทีมบนลีกสูงสุด และเป็นเต็งร่วงตกชั้นตั้งแต่ผ่านครึ่งฤดูกาลไปไม่นานนัก
ในมุมมองของผม ตอนนี้มี 5 ทีมที่เป็นเต็งตกชั้น
โปลิศ เทโร เอฟซี
อันดับสุดท้ายของตารางในเวลานี้ โปลิศ เทโร มี 24 คะแนน ห่างจากโซนตกชั้น 3 คะแนน แต่ความพ่ายแพ้ต่อ ตราด เอฟซี คาบ้านในนัดล่าสุด กลายเป็นเครื่องหมายตอกย้ำถึงฟอร์มที่ยังไม่เอาอ่าวของทีม
ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนี้ หลังจบนัดที่ 15 เทโร ยังรั้งอยู่ที่ 8 ของตาราง แต่ 11 นัดที่แข่งในเลกสอง พวกเขาชนะเพียงเกมเดียว แพ้ไป 8 นัด เก็บได้เพียง 5 คะแนน
โปรแกรม 4 นัดที่เหลือ ‘มังกรโล่ห์เงิน’ ต้องเจอกับ 2 ทีมใหญอย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทำให้มีโอกาสที่จะเก็บแต้มไม่ได้เลย จึงเป็นเต็งหนึ่งที่จะตกชั้น
ชลบุรี เอฟซี
ทีมยักษ์ผู้เคยคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว แต่ในฤดูกาลนี้ ชลบุรี เอฟซี ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้พวกเขามี 26 คะแนน ห่างอันดับ 13 โซนปลอดภัย เพียงคะแนนเดียว
5 นัดหลังสุด ‘ฉลามชล’ ชนะเพียงนัดเดียว และในครึ่งเลกหลัง ชนะเพียง 3 นัดเท่านั้น แถมพวกเขายังมีโปรแกรมโคตรหนักรออยู่ใน 4 นัดสุดท้าย เริ่มจากบุกไปเยือน การท่าเรือ ต่อด้วยเจอทีมที่หนีตายด้วยกันอย่าง พีที ประจวบ และตามมาด้วยเมืองทอง ปิดท้ายฤดูกาลด้วย ตราด เอฟซี
2 นัดเจอทีมหัวตาราง อีก 2 นัด เจอทีมที่ต้องดิ้นเพื่อความอยู่รอด ถ้า ชลบุรี เก็บไม่ได้อย่างน้อย 6 แต้ม โอกาสร่วงตกชั้นในฤดูกาลนี้ ค่อนข้างสูง
อุทัยธานี เอฟซี
พวกเขาเพิ่งเริ่มหายใจโล่งขึ้นมาหลังบุกไปเอาชนะ สุโขทัย 3-1 ทำให้ อุทัยฯ ขยับไปมี 29 คะแนน แต่ห่างจากโซนสีแดงเพียง 3 คะแนน
ในครึ่งหลังของฤดูกาลนี้ ‘อีโบ๊ะพิฆาต’ ฟอร์มดร็อปอย่างน่าใจหาย พวกเขาไม่ชนะใคร 10 นัดติดต่อกัน เพิ่งกลับมาฟื้นในช่วง 4 นัดหลัง ที่เก็บชัยชนะได้ 2 นัด
ความหนักหน่วงของ อุทัยธานี คือ พวกเขามีเกมยากรออยู่ 3 จาก 4 เกมคือการเจอกับ ตราด เอฟซี และปิดท้ายสองเกมด้วยการเจอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
ขอนแก่น ยูไนเต็ด
อีกหนึ่งทีมที่เพิ่งเก็บชัยชนะมาในนัดที่แล้ว ทำให้ขอนแก่น ขยับมามี 31 คะแนน เริ่มหายใจโล่งมากขึ้นกับช่องว่างถึง 5 คะแนนจากโซนสีแดง
แต่ในโปรแกรม 4 นัดสุดท้าย ‘จงอาจผยอง’ มีโปรแกรมหนักที่เกือบหนักที่สุดในบรรดาทีมหนีตาย เพราะพวกเขาต้องเจอทั้ง บียู, บีจี และบุรีรัมย์ ทำให้ ขอนแก่น เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีโอกาสไม่รอดอยู่เช่นกัน
นครปฐม ยูไนเต็ด
น้องใหม่ในฤดูกาลนี้ แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในอันดับ 8 ตรงกลางของตาราง ไทยลีก พอดี แต่ นครปฐม ที่มี 32 คะแนน ห่างจาก ชลบุรี ที่อยู่ในอันดับ 14 เพียง 6 คะแนนเท่านั้น
ที่ต้องยก นครปฐม มาเป็นหนึ่งในทีมที่มีโอกาสตกชั้น เพราะพวกเขาเจอโปรแกรมที่หนักที่สุดเหนือว่าทุกทีมในโซนหนีตกชั้น 4 นัดต่อไป พวกเขาจะเจอกับ บุรีรัมย์, เชียงราย, บีจี ปทุม และปิดท้ายด้วย การท่าเรือ แม้ว่า 3 แต้มจาก 4 นัด ก็อาจจะเพียงพอที่จะรอดตกชั้นได้ แต่ 4 คู่แข่งระดับท็อป ก็มีโอกาสที่ ‘เสือป่าราชัน’ จะไม่มีแต้มเลยอยู่เหมือนกัน
ถ้าผ่านโปรแกรมนัดถัดไป ก็คงจะพอมองออกมาขึ้นว่าใครจะรอด ใครจะร่วง แต่รับรองว่า ไทยลีก ช่วงท้าย เปลี่ยนไปชมเหล่าทีมหนีตาย น่าจะสนุกกว่าดูทีมยักษ์ใหญ่ เพราะทุกสโมสร พร้อมที่จะถวายหัวเพื่อไม่ให้ตกชั้น
เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.