ข้างบ้านเรือใบ: ‘แผลเป็น’ ที่อาจทำให้พลาดแชมป์ ถ้าไม่รีบแก้ไข
ผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์สำหรับความพ่ายแพ้ในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกต่อ เรอัล มาดริด ด้วยลูกจุดโทษ กับอีก 1 ชัยชนะในเกมเอฟเอคัพรองรองชนะเลิศกับ เซลซี ด้วยลูกโทนของ แบร์นาโด้ ซิลวา ดั่งฟัาได้กำหนดไว้แล้ว เราได้เห็นอะไรจาก 2 เกมนี้บ้าง
ทุกการต่อสู้ ‘แผลเป็น’ มักเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คู่ต่อสู้สามารถล้มเราได้ เกมฟุตบอลก็เช่นกัน ใครจะคาดคิดว่าทีมที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันจะโดน ราชันชุดขาว ทีมมากประสบการณ์ในเวทียุโรป มาเปิดบาดแผลให้ทีมทั่วโลกมองเห็น
ด้วยการตั้งรับอย่างมีวินัยเพื่อที่จะดวลจุดโทษหลังจากการต่อเวลาเพราะนี่คือหนึ่งในจุดอ่อนของยอดทีมจากอังกฤษ หลังจากหมดเวลา 120 นาที เหล่าแฟนบอลของ แมนฯ ซิตี้ ต่างก็รู้ดีว่าการต่อสู้ในถ้วยยุโรปได้จบลงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว รอแค่ยิงจุดโทษเพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่คิดไม่ผิดพลาด
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายกว่านั้นคือจุดอ่อนต่อมาที่แม้แต่แฟนบอลของทีมเองก็ไม่ทันได้สังเกตก็คือ ความได้เปรียบจากการเตะลูกนิ่งไม่ว่าจะฟรีคิกหรือลูกเตะมุม ในเกมวันนั้นเราเตะมุมถึง 18 ครั้ง แต่เชื่อไหมว่าไม่มีสักครั้งที่ดูใกล้เคียงการเป็นประตู ถ้าพวกเรามองเห็น ศัตรูของทีมหลังจากนี้ก็ดูออกเช่นกัน
และสุดท้ายคือความล้าของนักเตะที่ต่อให้ไม่ต้องเล่น 120 นาทีก็แทบจะไม่ได้พักอยู่แล้วเพราะทุกวันนี้แทบจะเตะกันทุกๆ 3 วัน ถ้ามองในแง่ดีคือสภาพทีมฤดูกาลนี้ไม่พร้อมที่จะแข่งขันระยะยาวการตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกอาจทำให้อีก 2 ถ้วยที่เหลือยังได้ลุ้นมากขึ้นก็ได้
ในทางกลับกันก็อดเสียดายไม่ได้เพราะทีมของเราไม่ได้ด้อยกว่าทีมไนในรอบนี้เลย โดยเชื่อว่าถ้าวันนั้นเราได้เข้ารอบโอกาสเป็นแชมป์คงสูงเหมือนเช่นเคย แต่เมื่อพลาดไปแล้วก็ไม่เป็นไร อีก 2 แชมป์ที่ให้ลุ้นยังอยู่ในมือตัวเองก็ต้องคว้ามาให้ได้แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ ‘แผลเป็น’ ตามที่กล่าวไว้
เขียนโดย Aek Dek Dee
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.