ร็อดเจอร์ส วัย 52 ปี กลับมารับงานคุมเซลติกเป็นครั้งที่สองในซัมเมอร์ปี 2023 พร้อมเซ็นสัญญา 3 ปี โดยพาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย, สก็อตติช คัพ และ ลีกคัพ เพิ่มเติมจาก 7 โทรฟี่ที่เคยทำได้ระหว่างปี 2016-2019

“ไม่มีอะไรอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญา” ร็อดเจอร์สกล่าว “ตอนกลับมา ผมก็บอกว่าจะทำงานให้ครบ 3 ปีเป็นอย่างน้อย แต่พอจบฤดูกาลที่แล้วก็มีคนไล่ผมออกไปแล้ว ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ผมรักที่นี่และยังไม่มีที่ไหนจะไป”

ร็อดเจอร์สเปิดเผยว่าตนได้หารือกับ เดอร์มอตต์ เดสมอนด์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ และ ไมเคิล นิโคลสัน ซีอีโอของสโมสรในช่วงซัมเมอร์ โดยยืนยันว่าทุกฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่าทีมยังมีหลายจุดที่ต้องพัฒนา

“ผมไม่ใช่โค้ชประเภทที่ดีในการแค่รักษามาตรฐานเดิมไว้ ถ้ามีแต่สิ่งเดิม ๆ ให้รักษาไว้ ผมก็ไม่ใช่ผู้จัดการทีมที่เหมาะกับเซลติก แต่ถ้าเป็นเรื่องของการสร้างทีม พัฒนา และผลักดันศักยภาพ ผมชอบแบบนั้นมากกว่า” ร็อดเจอร์สกล่าว

เซลติกจะเปิดฉากป้องกันแชมป์ลีกที่บ้านพบ เซนต์ เมียร์เรน ในวันอาทิตย์นี้ โดยตลาดซื้อขายซัมเมอร์พวกเขาได้ตัว คีแรน เทียร์นี่ย์, เบนจามิน นีเกร็น และ ชิน ยามาดะ รวม 7 แข้งใหม่ ขณะเดียวกันก็เสีย นิโคลาส คุน และ เกร็ก เทย์เลอร์ ออกจากทีม ส่วน โชต้า ยังบาดเจ็บระยะยาว

ในบทสัมภาษณ์กับ Sky Sports ร็อดเจอร์สยอมรับว่ายังมี “ช่องว่างในทีมที่เห็นได้ชัด” และยืนยันว่าดีลยืมตัว ยาห์ไม ซิมป์สัน-พูซีย์ กองหลังดาวรุ่งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังจะเสร็จสมบูรณ์เร็ว ๆ นี้

“เซลติกเป็นสโมสรที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในสโมสรใหญ่ของโลกที่มีความคาดหวังสูงมาก ข้อความถึงแฟนบอลคือ ทุกคนในสโมสรจะทำอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาผลงานจากฤดูกาลที่แล้วให้ดีขึ้น” ร็อดเจอร์สกล่าว

สำหรับคำถามเรื่องอนาคต ร็อดเจอร์สกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมรู้ดีว่าตัวเองทุ่มเทแค่ไหนในทุก ๆ วัน ถ้าสโมสรตัดสินใจเสนอขยายสัญญาและเห็นว่านั่นคือแนวทางที่เหมาะสมก็ดี แต่ถ้าไม่ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผมจะทุ่มเทให้กับงานนี้เลย”