"แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการกองกลางคนใหม่มากกว่ากองหน้า"

แม้โลกฟุตบอลยุคใหม่จะพูดถึงแท็กติกซับซ้อนหรือสถิติเจาะลึก แต่คำพูดง่ายๆ ของอดีตแข้งระดับตำนานอย่าง แกรม ซูเนสส์ ที่ว่า "ทีมที่เข้าถึงบอลก่อนมักเป็นผู้ชนะ" ยังคงจริงเสมอ และกองกลางคือคนที่ต้องทำแบบนั้น
สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปัญหานี้เรื้อรังมานานกว่าทศวรรษ และเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ทีมผลงานตกต่ำ แม้ภายใต้กุนซือคนใหม่อย่าง รูเบน อาโมริม จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่การขาดพละกำลังและความเร็วในแดนกลางยังคงเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับคำพูดของเขาหลังเสมอลีดส์แบบไร้สกอร์ว่า "ช่องว่างระหว่างแต่ละโซนของทีมมันกว้างเกินไป โดยเฉพาะตรงกลางที่เราขาดความเร็วและการควบคุมบอล"
ยูไนเต็ดเคยมีมิดฟิลด์ระดับตำนาน ตั้งแต่ยุค "Busby Babes" จนถึงทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่หลังปี 2005 ที่สโมสรถูกเทคโอเวอร์และต้องจัดการกับหนี้สิน การลงทุนในแดนกลางกลับลดลง มีเพียงไม่กี่รายที่เข้ามาและไม่สามารถยกระดับทีมได้ เช่น นิค พาวล์, เฟลไลนี่, ป็อกบา, มาติช, ฟาน เดอ บีค หรือแม้แต่คาเซมิโร่ในปัจจุบัน
รายชื่อที่ยาวเหยียดสะท้อนปัญหาชัดเจน – มีเพียง บรูโน่ แฟร์นันด์ส เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จจริงจัง นับตั้งแต่ยุคหลังเฟอร์กี้ ยูไนเต็ดไม่เคยครองเกมด้วยแดนกลางได้เลย
แม้ยูไนเต็ดจะเสริมแนวรุกด้วย คุนญ่า และ เอ็มบูโม่ แล้ว แต่หากไม่มีมิดฟิลด์ที่ "เข้าไปถึงบอลก่อน" ก็ไม่สามารถคุมเกมหรือเปิดโอกาสให้กองหน้าทำประตูได้
ระบบของอาโมริมที่ใช้กองกลาง 2 คน ขณะที่ทีมส่วนใหญ่ในพรีเมียร์ลีกใช้ 3 คนนั้น เสี่ยงต่อการโดนเจาะตรงกลาง และยิ่งเมื่อคาเซมิโร่ถดถอย และ อูการ์เต้ ยังขาดคลาสและคาแรกเตอร์ การเสริมกองกลางจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่สุด
เพราะแม้จะมีกองหน้าระดับโลก แต่หากครองเกมไม่ได้ ก็ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม หากยูไนเต็ดได้มิดฟิลด์ที่แข็งแกร่ง พวกเขาจะสามารถดันศักยภาพของกองหน้าหนุ่มอย่าง โอบี, ฮอยลุนด์ หรือเซิร์กซี ให้ไปถึงจุดที่ทีมต้องการ

