เหตุการณ์หักหน้าในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง หากยังจำกันได้ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ก็เพิ่งจะขยี้จิตวิญญาณ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการพา โคดี้ กักโป้ มายืนยิ้มแฉ่งในสนามแอนฟิลด์ 

ทั้งสองดีลข้างต้น มีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความ Hype จากฝั่งแฟนบอล เนื่องจากตัวนักเตะตกเป็นข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล มาโดยตลอด ทั้งยังมีการยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะ Fanboy ของสโมสรอีกด้วย จึงยิ่งน่าขายหน้าเข้าไปอีก

แต่กระผมที่เป็นแฟนบอล ‘สิงห์บลู’ กลับไม่ได้รู้สึกสะใจอะไรมากมาย ออกแนวสัมผัสได้ถึง ‘ค่าโง่’ เสียด้วยซ้ำ เพราะ มูดริค มีราคาปักป้ายสูงถึง 70 ล้านยูโร ยังไม่รวมแอดออนอีกราว 30 ล้านยูโร ที่อาจต้องแสกน QR Code ในอนาคต ว่ากันตามตรง ตัวนักเตะยังไม่เคยได้พิสูจน์ตัวเองในเวที 5 ลีคใหญ่ยุโรปเลยนะ

ภายในระยะเวลาแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เจ้าของสโมสรคนปัจจุบัน เทกระจาดเม็ดเงินไปแล้ว 463 ล้านยูโร เป็นตัวเลขที่น่าจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ สำหรับช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ‘ถัมมมม…เพื่ออออ…ครายยยย’

แข้งหลายคนที่ได้ตัวมาก็เป็นพวก ‘เกรดบี มีแวว’ ไม่ก็ ‘เกรดเอ ใกล้แขวนสตั๊ด’ ต่างกับปรัชญาทีมใหญ่อื่นๆที่ชอบทุ่มแบบ ‘เจ็บแต่จบ’ จัดตัวเป้งเน้นๆ มีอายุการใช้งานยาวๆ ซึ่งนักเตะสไตล์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวหรือปลุกปั้นอะไรมากด้วย

นี่ยังไม่พูดถึงกฎ Financial Fair Play ที่มีโอกาสโดนเล่นงานสูง เพราะเริ่มโดนเพ่งเล็งจากทั่วทุกสารทิศ บรรดาตำนานต่างแสดงความเป็นห่วงด้วยวิธีจิกกัดกันเป็นระยะ ต่อให้รอดบทลงโทษในตลาดมกราคม ก็ไม่รู้ว่า ช่วงซัมเมอร์จะเหลือเงินในธนาคารให้จับจ่ายใช้สอยกันอีกเท่าไร หากที่ซื้อมามันแป้กแล้วขายไม่ออก ทีนี้แหละ เรื่องยาวเป็นวาระรัฐบาลไทยแน่ๆ

ยิ่งถ้าเสียหมา…พลาดตัว ดีแคลน ไรซ์ อดีตกองกลางอคาเดมี่ ที่ปัจจุบันกลายเป็น ดาวเด่นประจำลีคสูงสุด ไปให้กับ อาร์เซน่อล แล้วล่ะก็…หึหึ…เตรียมตัวรับแรงกระแทกได้เลย.

เขียนโดย What The Fluke 

The Lite Team.