จังหวะที่ว่าเกิดขึ้นในนาทีที่ 78 ของเกม ซึ่งตอนนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำอยู่ 1-0 แล้วก็เป็นทาง คาเซมิโร่ ได้บอลบริเวณกลางสนาม ก่อนแทงบอลทะลุขึ้นหน้าให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด วิ่งควบตามบอลไป เหมือนจะเล่นเอง แต่ก็ไม่ได้สัมผัสบอลเลย จนกระทั่ง บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่วิ่งมาจากอีกทางหนึ่ง ซัดผ่านมือของ เอแดร์ซอน เป็นประตู

ในทีแรก ผู้ช่วยผู้ตัดสินตีธงขึ้นมาว่า ‘ล้ำหน้า’ ซึ่งในภายหลัง VAR ส่งสัญญาณมายัง สจ๊วต แอตเวลล์ ว่าลูกนี้เป็นประตู เพราะมองว่า มิดฟิลด์หน้าหนวดที่ยิงประตูไม่ได้ล้ำหน้า แต่ทางดาวยิงทีมชาติอังกฤษที่อยู่ในตำแหน่งที่ล้ำหน้านั้นไม่ได้มีส่วนกับลูกฟุตบอลเลย

หากว่ามาดูที่กฏของทาง เอฟเอ ที่ได้ระบุว่า ผู้เล่นที่ล้ำหน้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสลูกฟุตบอล แต่อาจจะโดนจับว่าล้ำหน้าได้ ก็ต่อเมื่อ

1. ขัดขวางนักเตะทีมคู่แข่งไม่ให้เข้าถึงลูกฟุตบอลได้

2. รบกวนวิสัยทัศน์ของนักเตะทีมคู่แข่ง

3. มีความพยายามที่จะเล่นลูกฟุตบอล จนส่งผลต่อการตัดสินใจของนักเตะทีมคู่แข่ง

แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางผู้ตัดสินในสนามล้วนๆ

สารภาพตามตรง จากใจแฟนผีที่ได้รับชมการถ่ายทอดสดในนัดนี้ คิดว่ายังไงกรรมการก็ไม่น่าจะให้เป็นประตู เพราะ ‘ดร. แรช’ วิ่งควบประคองบอลมาซะขนาดนั้น ยังไงก็ล้ำแน่นอน

แต่พอมาดูภาพรีเพลย์ซ้ำอีกครั้ง ก็จะเห็นได้ว่ามีทาง มานูเอล อาคานยี่ วิ่งตามหลังตัวที่ล้ำหน้าอยู่ แต่ไม่ได้พยายามที่จะไปเบียดหรือกระแทกอะไร เลยทำให้ทางฝั่งของผู้ตัดสิน อาจจะมองว่าผู้เล่นของ ยูไนเต็ด ที่ล้ำหน้าอยู่ก็ไม่ได้พยายามจะไปขัดขวางอะไรสักหน่อย ผมเลยคิดว่า ถ้ากองหลังของทาง ‘เรือใบสีฟ้า’ เข้าไปแซะบอลสักหน่อยนึง กรรมการให้เป็นล้ำหน้าอย่างแน่นอน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไปโทษนักเตะของ ยูไนเต็ด ที่ยิงเข้าไป หรือ นักเตะของ ซิตี้ เองที่ไม่ยอมเข้าไปแย่งบอลก็ไม่ได้ ต้องมองว่าหลายๆครั้งที่ประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นมา มาตรฐานของการตัดสินของ escapeSingleQuotพรีเมียร์ลีกescapeSingleQuot ก็ไม่เคยจะเป๊ะสักที แล้วแบบใครจะเป็นผู้รับผิดชอบกันล่ะ.