Gooner Journey: คิดถึงชายแก่ ผู้มีนามว่า escapeSingleQuotอาร์แซน เวนเกอร์escapeSingleQuot
เขาชอบเลือกนักเตะที่มีไหวพริบและพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เปรียบเสมือนครูที่น่าเชื่อถือกับนักเรียนที่ทำตัวกระตือรือร้น จนทุกสิ่งต่างผนวกกันได้อย่างลงตัว
หลังจากเข้ารับตำแหน่งกุนซือใหม่แห่ง ‘ค่ายปืนโต’ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงทีม เริ่มตั้งแต่ สนามซ้อม, โภชนาการ, ระบบบริหารจัดการ, วิทยาศาสตร์การแพทย์ และทุกอย่างที่กำลังเป็นปัญหาต่อทีม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เขาเข้ามาปรับเปลี่ยนเรื่องสไตล์การเล่น จากเดิมที่ อาร์เซนอล เคยถูกมองว่าเป็นทีมประเภท ‘Boring Football’ ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเบื่อ เล่นฟุตบอลโคตรโบราณ มีกองหน้ายืนค้ำอยู่ตัวเดียว เมื่อได้สกอร์ขึ้นนำเพียงแค่หนึ่งประตู ก็พากันลงไปเล่นเกมรับแบบยกทีม
เดนนิส เบิร์กแคมป์ หัวหอกชาวดัตซ์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ทีมที่จะเป็นแนวหน้าของยุโรปได้ ไม่ควรเล่นฟุตบอลแบบนี้ การเข้ามาเปลี่ยนสไตล์การเล่นของ เวนเกอร์ นั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับทีมที่จะโลดแล่นอยู่ในเวทีระดับทวีป” แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ไอ้คำว่าธรรมดาคำนี้ จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับสโมสรจากลอนดอนเหนือ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ความเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นตั้งแต่รากฐานของสโมสร รวมถึงรายละเอียดเล็กน้อยภายในทีม ส่งผลจนเกิดเป็นภาพใหญ่ เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จในปี 1997/1998 ซึ่งนับว่าเป็นฤดูกาลที่ 2 ภายใต้การคุมทีมของ เวนเกอร์ โดยสามารถคว้า ‘ดับเบิลแชมป์’ (พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ) มาครองได้สำเร็จ จนทีมสามารถขยับระดับขึ้นมาขับเคี่ยวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งครองหัวตารางของลีกอังกฤษมาอย่างต่อเนื่อง
ยุคทองของ อาร์เซนอล เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1997 ลากยาวมาจนถึงปีที่พวกเขาได้แชมป์ไร้พ่าย สร้างสถิติเป็นทีมแรกของลีกสูงสุดแดนผู้ดี ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีมใดสามารถทำได้อีกเลย
อาร์แซน เวนเกอร์ เขียนในคำนำของหนังสือ ‘Invincible’ เอาไว้ว่า แชมป์ไร้พ่ายคือความฝันของเขาเสมอมา เนื่องจากเขามีทัศนคติส่วนตัว คือ escapeSingleQuotจงทำงานของตัวเองให้เต็มที่escapeSingleQuot การได้แชมป์อาจถูกมองว่าเป็นความสำเร็จแล้ว แต่มันคือการลงทุนแบบเต็มกำลังแล้วหรือยัง? ก็คงต้องบอกว่า ‘ยัง’ เพราะว่า ‘ความสำเร็จมีเพดานที่สูงสุดมากกว่านั้น’
เขียนโดย The Lite Team.