The Blue House: ผลงานดีบ้าง แย่บ้าง แต่ยังต้องลุ้นท็อปโฟร์อยู่ดี!
ผ่านมาแล้วครึ่งทางของซีซั่น 2024/25 ภายใต้การบริหารทีมของ “เสี่ยท็อดด์” และโครงสร้างใหม่ที่กำลังดำเนินไปอย่างมีแบบแผน เราจะมาดูกันว่าผลงานในสนามน่าดูชมมากน้อยเพียงใด…
เพื่อให้เป็นการไม่เสียเวลา ผมขอเริ่มที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู อันเป็นหนึ่งในจุดบอดที่ใหญ่ที่สุดของ เชลซี ในซีซั่นนี้ กาลเวลาในประวัติศาสตร์ปกป้องสโมสรแห่งนี้ด้วยผู้รักษาประตูชั้นยอดมาโดยตลอด แต่กลับไม่ใช่ในยุคของ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เมื่อนายด่านมือหนึ่งและมือสองของ เชลซี มีนามว่า โรเบิร์ต ซานเชซ และ ฟิลิป จอร์เกนเซ่น สองหนุ่มผู้เติบโตมาจากดินแดนกระทิงดุ โชว์ฟอร์มได้น่าเอายาดมตราโป๊ยเซียนยัดรูจมูกระหว่างนอนเหลือเกิน
รายแรกที่ใครเห็นก็บอกว่าใช้เท้าเก่ง แต่กลับเคลียร์บอลแบบยื่นดาบให้คู่แข่งมาสังหารตนเองร่ำไป แถมยังเลิ่กลั่กและลนลานหลายครั้ง ซึ่งผู้เขียนขอฟันธงตรงนี้เลยนะครับว่า แม้แต่ อันเดร โอนาน่า อาจจะมีสมาธิในเกมมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะผมเองก็ดูเกมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบทุกเกมในซีซั่นนี้ ส่วนรายของ จอร์เกนเซ่น แม้จะดูมีความเฟอะฟะน้อยกว่า แต่กลับดูไม่ถนัดในการเล่นแกะเพรสซิ่ง หรือยามถูกคู่แข่งบีบไล่บอล เขาใช้เวลานานเกินไปในการตัดสินใจกำหนดทิศทางเกม
ด้วยประการฉะนี้ ผมไม่คิดว่า เชลซี จะสามารถเดินตูดงอนขึ้นไปรับโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ตราบใดที่ยังมีสองผู้รักษาประตูรายนี้อยู่ อย่างที่เคยบอกไปในคอลัมน์ก่อนหน้า ข้อดีข้อเดียวที่ผมเห็นคือ ค่าเหนื่อยของทั้งคู่อยู่ในเกณฑ์ “เห็นแล้วสบายใจ” เท่านั้น
ถัดมาที่ตำแหน่งแนวรับ หนึ่งในนักเตะที่น่าชื่นชมและทำผลงานได้ตระการตาดีนักแล คือ จอช อาเชียมปง ดาวรุ่งวัยกลัดมัน 18 ขวบฝน ผู้พกความสูง 193 เซ็นติเมตร ใส่กระเป๋าเดินทางในทุกสนามแข่งมาด้วย สังเกตได้ว่าน้องมีความนิ่งเกินอายุ มีสมาธิจดจ่ออยู่ในเกมที่มากกว่า อักเซล ดีซาซี่ และ เบอนัวต์ บาเดียชิล สองมหาเศรษฐีบ่อน้ำมันประจำทีม เสียอีก โดยถึงแม้จะยังดูไม่กล้าได้กล้าเสียในการทำ “Progressive Play” หรือการพาบอลขึ้นหน้า แต่มันก็ตามประสบการณ์ที่ต้องค่อย ๆ สั่งสมกันไป
หากผมเป็นเจ้าอาวาสอย่าง เอ็นโซ มาเรสก้า คงต้องแจ้งบอร์ดบริหารว่า หมดเวลาบิณฑบาตรของไอ้สองมหาเศรษฐีข้างต้นนั่นแล้ว เพราะถ้ามีซีเนียร์ในทีมเล่นได้แค่นี้ อย่าหวังเลยว่าจะไปถึงตำแหน่งแชมป์ของศึกพรีเมียร์ลีก หาก เชลซี หาตัวตายตัวแทนของ ติอาโก้ ซิลวา มายืนคู่กับ ลีวาย โคลวิลล์ ได้ จะพลิกฟอร์มพวกเขาให้ดุดันอย่างที่ สิงห์ มันควรจะเป็นแน่นอน
ต่อไปเราจะพูดถึง “มิดฟิลด์กลางสนาม” กันแบบสั้น ๆ เพราะนอกจาก โรมีโอ ลาเวีย ที่ไม่รู้จะเคลมประกันกับโรงพยาบาลไปถึงไหน ผมไม่เห็นถึงปัญหาการประสานงานของ เอ็นโซ แฟร์นานเดซ และ มอยส์ ไกเซโด้ ที่นับวันยิ่งเข้าขาและแบ่งหน้าที่กันได้ดี การเติมขึ้นมาเล่นแบบ อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค ของ มาร์ก คูคูเรย่า (หรือถ้า รีซ เจมส์ หายเจ็บ) ผมคิดว่านี่เป็นจุดแข็งของ เชลซี ในเวลานี้เลย
ปิดท้ายที่แนวรุกและตัวสร้างสรรค์ของทีม กับข่าวคราวความไม่พอใจกับการต้องตกเป็นตัวสำรอง นิโกลาส แจ็คสัน ของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู มีมาหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต่อให้คุณจะยิงคมกริบแค่ไหน ถ้าไม่สามารถมีส่วนร่วมกับเกมได้มันก็ไร้ค่าครับ ผมคิดในแนวทางเดียวกันกับบอร์ดบริหารเลยคือ “ใครอยู่ก็อยู่ ใครจะไปก็เดินมาคุย” ขอแค่สร้างรายได้แบบมิตรภาพ ไม่น้อยเกินไปก็พอ…
แนวรุกสร้างสรรค์ได้ดีมาก โดยเฉพาะ เจดอน ซานโช่ และ เจา เฟลิกซ์ ที่มีความวูบวาบให้เห็นตลอดระยะเวลาที่ลงสนามอยู่แล้ว เช่นเดียวกับ เปโดร เนโต้ ที่ทำได้เสมอตัวในสายตาของผม ขอแค่แมร่งหยุดโวยวายและแสดงภาษากายวิ่งไล่แย่งบอลหน่อยก็พอ อย่าไปเอานิสัยของ บรูโน่ แฟร์นานเดส จากค่าย “ปีศาจแดง” มาใช้มาก เห็นแล้วมันน่าละเหี่ยใจ
ดีที่สุดและแย่ที่สุดในปีนี้ ก็ยังเป็นสองคนเดิม คือ โคล พาลเมอร์ ที่พร้อมหาช่องทำประตูชัยและเป็นวีรบุรุษให้ทีมอยู่เสมอ ส่วนเณรน้อยลูกชายเจ้าอาวาสอย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ เนี่ย ไม่จำเป็นก็ดร็อปมันข้างสนามบ้างเถอะ…ไม่งั้นแม้แต่ท็อปโฟร์ยังจะเหนื่อยเอา!
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง