ปัญหาคือ เขาไม่รู้จะแทรกลงตรงไหน แผงมิดฟิลด์มีทั้งลูก้า โมดริช, ซามี เคดิร่า, อิสโก้ ซึ่งแต่ละคนก็มีดีกรีระดับทีมชาติชุดใหญ่กันทั้งนั้น หรือจะให้ขยับไปยืนริมเส้น เอาตามตรงนะ! เขาจะไปแย่งตำแหน่งจาก คริสเตียโน โรนัลโด้ และ แกเร็ธ เบล ได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตามพอไม่มีที่ว่างในสนาม เขาจึงถูกส่งไปเล่นกับทีมสำรอง (กาสตีญ่า) ซึ่งทีมชุดนั้นมีกุนซืออย่าง ซีเนอดีน ซีดาน คุมทัพอยู่

การโดนลดระดับลงอย่างรวดเร็วจากทีมชุดใหญ่สู่ขุนพลในทีมสำรองเป็นสิ่งที่ยากเกินจะรับไหว ก่อนหน้านี้เขาคือวันเดอร์คิดของโลกฟุตบอล สโมสรไหนก็อยากได้ตัว แต่เมื่อต้องหล่นมาเล่นกับทีมสำรองอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้เขาแสดงปฏิกริยาในแง่ลบออกมาทันที

มิดฟิลด์ทีมชาตินอร์เวย์ ตัดสินใจไม่ขอร่วมซ้อมกับนักเตะทีมสำรอง โดยในหนึ่งสัปดาห์เขาขอซ้อมกับทีมชุดใหญ่ 5 วัน และจะมาร่วมประชุมแผนกับทีมสำรองเฉพาะก่อนแข่งเท่านั้น ซึ่งในสัญญาที่เซ็นกันไว้แต่แรกระบุว่าเขาจะได้สิทธิ์ซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่เสมอ ดังนั้นเมื่อ โอเดการ์ด ยืนกรานว่าจะไม่ซ้อมกับทีมสำรอง ซีดาน เองก็ทำอะไรไม่ได้

2 ปีแรกในดินแดนกระทิงดุ โอเดการ์ด ได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ทั้งสิ้น 2 เกม เป็นตัวสำรองในลีก 1 นัด และเป็นตัวจริงในบอลถ้วยโกปาเดลเรย์ อีก 1 เกม ในไม่ช้าวันเดอร์คิดของวงการฟุตบอลคนนี้ก็ค่อยๆถูกลืมชื่อไปตามระเบียบ

ด้วยเหตุผลที่ยากเกินความเข้าใจสำหรับเด็กอายุเพียง 16 ปี ทำให้เขาถูกปล่อยให้กับทีมใน เนเธอร์แลนด์ ยืมตัว 3 ฤดูกาลติดต่อกัน 2016-17 ฮีเรนวีน / 2017-18 ฮีเรนวีน / 2018-19 วิเทสส์ อาร์เน่ม

3 ปีที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในลีกดัตช์ มันเหมือนเป็นการถูกลดเลเวลจากสโมสรระดับโลกไปอยู่กับทีมเกรดบี ทำให้ โอเดการ์ด เริ่มเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งว่า "เขายังไม่ได้เก่งขนาดนั้น" ที่ผ่านมาเขาดังเร็วก็จริง แต่ก็เหมือนกับเพชรที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน  ยังมีเรื่องราวอีกมากที่เขาต้องพัฒนาตัวเอง จะมาผยองพองใจว่าตัวเองเป็นวันเดอร์คิดแห่งวงการไม่ได้อีกต่อไปเด็ดขาด

ทั้งนี้ทั้งนั้นพฤติกรรมหลายอย่างของ โอเดการ์ด เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ถูกส่งออกยืมตัว ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวคราวเรื่องการทำตัวเหลวแหลกของเขาอีกเลย ความเป็นมืออาชีพเริ่มถูกซึมซับในตัวของเด็กผู้ชายคนนี้ทั้งในและนอกสนาม

ในช่วงซัมเมอร์ 2019 เมื่อหมดสัญญายืมตัวกับ วิเทสส์ อาร์เน่ม เขาถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นสโมสรร่วมลีกอย่าง เรอัล โซเซียดาด และ โอเดการ์ด เองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขามีส่วนสำคัญโดยช่วยให้ทีมจบอันดับ 6 ในลีก คว้าโควต้ายูโรป้าลีก พร้อมทั้งเข้าชิงโกปา เดล เรย์

4 ปีผ่านไปที่ดาวรุ่งมากพรสวรรค์รายนี้ไม่ได้ลงเล่นกับต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง เรอัล มาดริด เสียที แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 5 (2020-21) ซีเนอดีน ซีดาน ตัดสินใจดึง โอเดการ์ด กลับมาและให้สัญญาว่าจะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องนับจากนี้ไป

แต่ประเด็นคือ โอเดการ์ด ไม่ได้รับโอกาสเหมือนเช่นเคย เพราะกุนซือมักเรียกใช้งาน โมดริช, อิสโก้ หรือแม้แต่ บัลเบร์เด้ มากกว่า คือจะว่า ซีดาน ผิดไหม? ก็คงไม่ใช่ แต่สาเหตุหลักคือเมื่อเขาสัญญาแล้วว่าจะให้ลงสนาม แต่ไม่ทำตามที่พูด โอเดการ์ด ก็ตั้งคำถาม ว่าจะดึงเขากลับมาจาก เรอัล โซเซียดาด ทำไม?

เชื่อเหลือเกินว่าเขาไม่ได้กลับมาที่นี่แค่เพราะจะได้อยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด เท่านั้น แต่เขากลับมาเพื่อลงเล่นและต้องการพัฒนาตัวเองต่อไป เรื่องราวสุดท้ายก่อนย้ายเข้าสู่ อาร์เซนอล จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน EP. Special

เขียนโดย The Lite Team

LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง