ต่อจาก EP.ที่แล้ว นี่คือการแย่งชิงนักเตะวัย 15 ปีที่ดุเดือดที่สุด ทุกคนรู้ว่าเด็กคนนี้เก่งกาจขนาดไหน ถ้าได้สะสมชั่วโมงบินอีกสักหน่อยคงจะเติบโตขึ้นมาเป็นตำนานของวงการฟุตบอลได้ไม่ยาก

ในช่วงเวลานั้นทุกสื่อกีฬาต่างเล่นข่าวของ มาร์ติน โอเดการ์ด กันแบบรายชั่วโมง คนนั้นคนนี้ออกมาชื่นชมเพื่อพยายามโน้มน้าวซื้อใจนักเตะให้ได้

- เด็กหนุ่มชาวนอร์เวย์ได้มีโอกาสเดินทางไปยัง บาเยิร์น มิวนิค และร่วมซ้อมกับทีมชุดเล็ก จนทำให้ประธาน‘สโมสรเสือใต้‘ถึงกับกล่าวว่า "เขามีพรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ"

- แฟรงค์ เดอ บัวร์ ผู้จัดการทีมของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า "ถ้าเขาอยากพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นระดับโลก ผมแนะนำว่าให้เลือกทีมของเรา" 

- เขาเคยร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล และได้เจอกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แถมในระหว่างซ้อมยังโชว์สกิลแตะลอดขา โจ อัลเลน จนทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประทับใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก

- เขาเดินทางไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยได้พูดคุยส่วนตัวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ และได้รับการดูแลจากภายในเป็นอย่างดี มีการพาเที่ยวชมเมืองเพื่อพยายามมัดใจอย่างเต็มที่  

- โอเดการ์ด ได้รับคำเชิญเข้าร่วมรับประทานอาหารกับ อาร์แซน เวนเกอร์ โดยกุนซือชาวฝรั่งเศสเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "การอ่านเกมของเด็กคนนี้ มันทำให้ผมอยากเซ็นสัญญาเขาเหลือเกิน เขาคล้ายคลึงกับ เชส ฟาเบรกาส ในวัยเด็กไม่มีผิด เขาเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบ"

สัญญาณเรื่องการย้ายทีมเริ่มชัดเจนมากขึ้นในเดือนมกราคม 2015 เมื่อ โอเดการ์ด ได้ทำการลบทวีตและข้อความในอินสตาแกรมที่เจ้าตัวเคยโพสต์ในเชิงชื่นชอบ ลีโอเนล เมสซี่ ออกไปทั้งหมด ซึ่งนั่นก็พอจะทำให้วิเคราะห์ได้ว่า เหตุผลเดียวที่คุณจะทำแบบนั้น คือต้องการย้ายเข้าร่วมทีมที่เป็นคู่ปรับกับ เมสซี่ ซึ่งก็คือ เรอัล มาดริด

ใช่ครับ! เขาปฏิเสธทุกทีมและย้ายไปยังถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในวันที่ 22 มกราคม 2015 

3 สาเหตุหลักที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ตัดสินใจเลือก เรอัล มาดริด

1. ในยุคนั้น เรอัล มาดริด คือทีมอันดับหนึ่งของโลก ขยันครองถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และภาพรวมของทีมแข็งแกร่ง อีกทั้งยังประกอบไปด้วยสตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, ลูก้า โมดริช, คาริม เบนเซม่า รวมถึงผู้เล่นรายอื่น 

2. ไม่เคยมีนักเตะจากนอร์เวย์ที่ได้สวมใส่ยูนิฟอร์มของ เรอัล มาดริด มาก่อน ซึ่งเขาจะเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสความรู้สึกนั้น มันเปรียบเสมือนเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งประเทศ 

3. เขาจะกลายเป็นเด็กวัย 16 ปีที่ได้รับค่าเหนื่อยมหาศาลมากที่สุดในโลกด้วยตัวเลขในระดับ 80,000 ปอนด์/สัปดาห์ ซึ่งไม่มีสโมสรไหนที่ยอมควักกระเป๋าเท่ากับยักษ์ใหญ่จากเมืองมาดริดอีกแล้ว

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิด โอเดการ์ด จะเริ่มจากการเป็นตัวสำรองในปีแรก จากนั้นก็จะกลายเป็นตัวหลักของ ‘ทีมราชันชุดขาว‘ในอนาคต แต่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ติดตามต่อได้ใน EP.สุดท้าย

เขียนโดย The Lite Team

LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง