ความห่างชั้นของทีมระดับเอเชีย และนักเตะระดับโลก กับทีมชาติไทย
ทีมชาติไทย ได้ฝันหวานกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังบุกไปเก็บผลเสมอแบบไม่มีใครคาดคิดเหนือ เกาหลีใต้ ได้ถึง โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม แต่ในเกมล่าสุด ฝันก็จบลงมาพบกับความเป็นจริง
แฟนบอล 45,458 คน เต็มความจุสนามราชมังคลากีฬาสถาน บวกกับแฟนบอลอีกหลายพันคนที่ไปเกาะจอยักษ์รอเชียร์ข้างๆ การเจอกันระหว่าง ทีมชาติไทย กับ เกาหลีใต้ กลายเป็นวาระสำคัญระดับชาติที่ทุกคนให้ความสนใจ หลัง มาซาทาดะ อิชิอิ พาทีมโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง บวกกับได้ดูนักเตะระดับโลกอย่าง ซน ฮึงมิน ตัวเป็นๆ ใครจะอดใจไม่ไปดูที่สนามไหว
ตลอดช่วง 3-4 วันก่อนแข่ง อาการอิน ‘ช้างศึก’ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทุกๆ คนหวังว่าอย่างน้อยๆ เราก็น่าจะสู้ยอดทีมของทวีปได้ เหมือนกับในนัดที่ผ่านมา ไหนจะยังมีทั้งเสียงเชียร์ของแฟนบอล รวมไปถึงประเด็นสำคัญอย่างสภาพอากาศที่ ‘ร้อนจัด’
อากาศที่ โซล เกาหลีใต้ ในวันแข่ง อยู่ที่ไม่เกิน 10 องศา เราจะได้เห็นทีมงานใส่เสื้อกันหนาว หรือนักบอลมีเสื้อซับในแขนยาวกัน แต่กลับมาที่ ‘ไทยแลนด์’ อุณหภูมิพุ่งไปทะลุ 30 องศา ทำให้เกิดประเด็นที่ว่า นักเตะ ‘โสมขาว’ คงไม่ชินกับอากาศที่ร้อน และน่าจะหมดแรงไว
กระโดดมาที่วันแข่งจริง เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น เลือกใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากเกมที่ผ่านมา ในเมื่อเก็บผลที่ต้องการมาได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ อิชิอิ ต้องเปลี่ยนแปลง ด้านทีมเยือน รอบนี้ส่ง อี คังอิน ลงตั้งแต่แรก ทำให้เกมรุกของ เกาหลีใต้ อันตรายขึ้นอย่างมหาศาล
แต่เกมนี้ออกมาในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งสองทีมไม่ได้เปิดเกมรุกเต็มสูบ ค่อยๆ เล่นไปตามจังหวะ โดยเฉพาะฝั่ง เกาหลีใต้ ที่เล่นกันช้าจนน่าอึดอัด จนไม่เหมือนทีมที่เหนือกว่า แต่มันก็คือแท็กติกที่พวกเขาเตรียมมา
ฮวาง ซุนฮง เฮดโค้ชเกาหลีใต้ เตรียมเกมนี้มาอย่างดี หลังพวกเขาโดนเซอร์ไพรส์มาในนัดแรก เขารู้อยู่แล้วว่าจะเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ดังนั้น เกาหลีใต้ จึงเล่นไปตามเกมอย่างไม่รีบร้อน ค่อยๆ ต่อบอล หรือเปลี่ยนเล่นแบบปล่อยให้ ไทย ครองบอล อยู่ในแดนนตัวเองโดยที่ไม่ได้วิ่งไล่กดดัน พอถึงจังหวะที่จะเข้าเขตอันตราย เกาหลีใต้ ค่อยบีบพื้นที่เอาบอลคืน
รูปแบบการเล่นแบบนี้นอกจากจะเซฟพลังงานแล้ว ยังมอบความชัวร์ในการเล่นเกมรับอีกด้วย เพราะในเกมนี้ ไทย อาศัยจังหวะโต้กลับยิงประตูตีเสมอ ดังนั้น เฮดโค้ชชั่วคราวรายนี้เน้นย้ำในเน้นชัวร์เอาไว้ก่อน
พอเล่นช้า เล่นชัวร์ เกาหลีใต้ ก็เล่นกันแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะประตูขึ้นมาที่แทงทะลุช่องจากครึ่งสนาม พังไลน์ดักล้ำหน้า เข้ามาทำประตูใส่ ทีมชาติไทย อย่างสวยงาม เป็นเครื่องหมายที่เน้นย้ำว่าถ้าเปิดช่อง เกาหลีใต้ ก็พร้อมเข้าทำโดยทันที
เหตุการณ์สำคัญคือในจังหวะเสียประตู ไทย ดันมาเสียตัวหลักอย่าง ธีราทร บุญมาทัน บวกกับ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ในท้ายครึ่งแรก ทำให้ทุกอย่างดูไม่เป็นใจ แถม อิชิอิ ยังเสียโควตาเปลี่ยนตัวไปแบบฟรีๆ 2 ครั้ง
ครึ่งหลังก็หนังม้วนเดิน แถมดูจะเป็นใจ เกาหลีใต้ มากขึ้น เพราะไทย ต้องเปิดหน้าบุกเพื่อเอาประตูคืน เกาหลีใต้ ก็ตั้งรับต่ำ และใช้จังหวะสวนกลับเอา ซึ่งในรูปแบบนี้ทำให้เราเห็นถึงความแตกต่างของระดับโลกของจริง
ไอที่บอกว่าอากาศร้อน จะทำให้ทีมอันดับ 3 ของเอเชีย หมดแรงไว ไปๆ มาๆ กลายเป็น ‘ช้างศึก’ ที่หมดแรงก่อน โดยเฉพาะช่วงท้ายเกม เราได้เห็นจังหวะฉีกตัวสวยๆ ของ ซน ฮึงมิน ที่ไปเก็บบอลจากครึ่งสนาม แล้วเลี้ยงไปยิง โดยที่นักเตะไทย แทบจะวิ่งตามไม่ทัน รวมถึงจังหวะโยนยาวข้ามไลน์กองหลังสวยๆ ให้ตัวรุกหลุดกับดักล้ำหน้าไปยิง ซึ่งเป็นสัญญากลายๆ ว่าพวกเขามีแรงวิ่งได้ยัน 90 นาทีเต็ม
ช่องว่างเรื่องความฟิต และการรักษาร่างกายให้ทำงานได้ตลอดทั้งเกมคือความแตกต่างข้อใหญ่ระหว่าง ไทย กับเกาหลีใต้ ไหนจะเป็นเรื่องแท็กติก และความสามารถเฉพาะตัว ก็ยิ่งฉีกช่องว่างให้กว้างขึ้นไปอีก
หลังเกม อิชิอิ กล่าวไว้ว่า “รู้ว่าทีมอย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีสกิลนักเตะที่สูงกว่าไทย แต่พอรับมือจริงๆ ก็รู้ว่ามันยาก แต่จะพยายามหาวิธีใหม่ๆ เพื่อให้รับมือได้ดีขึ้นในอนาคต”
ความห่างชั้นในเกมนี้จะกลายเป็นเครื่องบ่งบอกชั้นดีว่าระดับทวีป และระดับโลก ยังอีกห่างไกลแค่ไหน ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ และกลับไปทำงานให้หนักกว่าเดิม เพราะไม่มีใครเสียใจที่แพ้ในเกมนัดนี้ แต่ทุกคนคาดหวังว่าจะดีขึ้นในนัดต่อๆ ไป
ขอขอบคุณทุกหยดเหงื่อที่ทุ่มเทให้กับ ‘ช้างศึก’ โอกาสเข้ารอบฟุตบอลโลก ยังมี ขอแค่บุกไปชนะ จีน ให้ได้
เขียนโดย The Lite Team.
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชม.