คาราวะหัวใจ! เมื่อทีมชาติไทย ก้าวขึ้นไปไล่ตบ เกาหลีใต้
ผลการแข่งขัน 1-1 ระหว่าง ทีมชาติเกาหลีใต้ กับทีมชาติไทย เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนมีความสุขไปในชั่วเวลาหนึ่ง เพราะการบุกไปเก็บผลเสมอถึงบ้านยอดทีมของทวีป ไม่ได้เป็นเรื่องที่มีใครคาดคิดก่อนหน้านี้
เกาหลีใต้ อยู่ในอันดับ 22 ของโลก อันดับ 3 ของเอเชีย ส่วน ไทย อยู่ที่ 17 ของเอเชีย อันดับโลกต่างกัน 79 อันดับ และหากไปดูมูลค่านักเตะในทีมยิ่งห่างชั้นไปอีก ‘โสมขาว’ นักเตะอย่าง ซน ฮึงมิน ที่เว็บไซต์อย่าง transfermarkt ประเมินมูลค่าไว้ที่ 50 ล้านยูโร ส่วน ‘ช้างศึก’ คนที่ถูกประเมินค่าไว้สูงที่สุดคือ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพียง 1 ล้านยูโร ห่างกัน 50 เท่า และมูลค่าทีมรวมนักเตะทั้งหมดของ ไทย เพียง 9.6 ล้านยูโร ยังไม่ถึง 20% ของซูเปอร์สตาร์จาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คนเดียวเลยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดนี้คือความห่างกันชั้นของเรากับเขา ที่ทำให้ไม่มีใครคาดหวังการเก็บอย่างน้อยๆ 1 คะแนนออกมาจากกรุงโซลได้ อาจจะมีคนหวังเอาไว้ลึกๆ แต่ถ้าให้ดูตามหน้ากระดาษก็เกิดขึ้นได้ยาก
แต่อย่างที่หลายๆ คนคุ้นกับคำว่า “ลูกฟุตบอลกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้” หรือ “ฟุตบอลไม่ใช่คณิตศาสตร์ การเอาตัวเลขมาเทียบบัญญัติไตรยางค์ ก็อาจจะไม่ได้คาดเดาได้ทั้งหมด” และมันก็เกิดขึ้นในนัดนี้ที่ โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม
การใช้คำว่า ‘ไล่ตบ’ บนหัวข้อบทความอาจจะเกิดจริงไปหน่อย แต่หากเรามาไล่เรียงฟอร์มการเล่นของ ทีมชาติไทย ตลอดทั้งการแข่งขัน ก็เรียกได้ว่าสู้กับยอดทีมของทวีปได้อย่างสนุก
มาซาทาดะ อิชิอิ แทบจะใช้ตัวผู้เล่นชุดเดียวกับ เอเชียน คัพ ที่ผ่านมาช่วงเดือนมกราคม มีการปรับแค่เพียงในแดนหลังด้วยการส่ง สุพรรณ ทองสงค์ คู่กับพรรษา เหมวิบูลย์ และจับ เอเลียส ที่ฟอร์มเด่นก่อนหน้านี้นั่งสำรอง บวกกับการได้ ชนาธิป ฟิตกลับมาลงเล่นให้กับทีมอีกครั้ง
จุดอ่อนเดียวของเกาหลีใต้ คือเรื่องดราม่าในแคมป์ทีมชาติตั้งแต่ช่วง เอเชียน คัพ หลัง ซน ฮึงมิน กับ อี คังอิน มีปากเสียงกัน และจบลงด้วยการไล่ เยอร์เกน คลินส์มันน์ ออกจากตำแหน่ง พร้อมดัน ฮวาง ซุน-ฮง เฮดโค้ชจากชุด U23 ขึ้นมาคุมทัพชั่วคราว โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทาง สมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ อาจจะไม่เรียก 2 สตาร์ขึ้นมาติดทีมในรอบนี้เป็นการลงโทษ แต่สุดท้ายพวกเขาก็จัดเต็ม
‘แทกึกวอร์ริเออร์’ เลือกที่จะไม่ส่ง อี คังอิน ลงสนามในฐานะตัวจริงๆ คาดว่าเป็นหนึ่งในบทลงโทษของโค้ช ทำให้แนวรุกดูจะลดความอันตรายลงไป ทั้งยังไม่มีกองหน้าอย่าง ฮวาง ฮี-ชาน ที่เจ็บจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ดังนั้นด้วยดราม่าภายในทีม ประกอบกับฟอร์ม และตัวผู้เล่นที่ใส่ไม่เต็มร้อย คงเป็นข่าวดีเล็กๆ ให้แฟนบอลชาวไทยพอจะลุ้นได้บ้าง
เปิดเกมมา ‘ช้างศึก’ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเกินกว่าที่คาดเอาไว้ ช่วง 15 นาทีแรก มีจังหวะบุกสู้ จังหวะจบสกอร์ และเผลอๆ จะเล่นได้ดีกว่าเจ้าบ้านด้วยซ้ำ ก่อนที่ฟอร์มจะค่อยๆ ดร็อปลงมา จนมาในช่วงท้ายครึ่งแรก ไข่ของช้างศึก ก็โดนเจาะจากการจ่ายตัดหลังให้ ซน ฮึงมิน แปง่ายๆ เข้าไป ซึ่งการเข้าทำจากริมเส้นเป็นสิ่งที่ เกาหลีใต้ พยายามบุกโจมตีมาโดยตลอด จนมาบวกสกอร์ได้ในท้ายครึ่งแรก
หลายๆ เกม ‘กิมจิ’ จะเครื่องร้อนช้า ยิงประตูไม่ได้ หรือช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนจะมารัวในช่วงครึ่งหลัง เราเห็นกันมาหลายเกมใน เอเชียน คัพ หรือในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนัดก่อน ที่ยิงใส่ สิงคโปร์ ครึ่งหลังถึง 4 ลูก ทำให้ ไทย ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และผมก็คือคนที่คิดว่าในช่วง 45 นาทีที่เหลือ เกาหลี ก็คงบวกสกอร์เพิ่มตามสเต็ป เพราะเราจะเอาแต่เล่นเกมรับอย่างเดียวไม่ได้แล้ว และทำให้เกมรับน่าจะหลวมจนเปิดช่องโจมตีมากขึ้น
แต่จังหวะใจฟู ก็มาขึ้นในช่วงครึ่งหลัง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ถูกเปลี่ยนลงสนามมา และใช้เวลาเพียง 3 นาที บวกสกอร์ตามตีเสมอให้กับ ทีมชาติไทย ได้สำเร็จ จากจังหวะเปิดสุดสวยของ นิโคลัส มิคเคลสัน ที่ให้ ‘แบงค์’ วิ่งฉีก คิม มินแจ กองหลังจาก บาเยิร์น มิวนิค โฉบไปทำประตูแบบแฟนบอลทั้งประเทศน้ำตาไหล
ประตูของ ศุภณัฏฐ์ คือประตูแรกในรอบ 26 ปี ที่ไทย ยิงใส่เกาหลีใต้ ได้ หลังประตูล่าสุดต้องย้อนไปถึง เอเชียนเกมส์ 1998 จาก ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ทำให้ประตูนี้มีความหมายมากกว่าผล 1-1
หลังจากนั้ง พายุโสม ก็บุกกระหน่ำใส่อย่างไม่ให้ไทย ตั้งตัว เกาหลีใต้ มีโอกาสมากมายที่จะบวกประตูแซงขึ้นนำ แต่ต้องชมความมีวินัยในเกมรับ การช่วยวิ่งไล่ ของนักเตะทุกคน จนเก็บผลเสมอที่สำคัญ และที่จะช่วยเปิดโอกาสให้ทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้มากขึ้นกว่าเดิม
สถิติหลังเกม เกาหลีใต้ ครองบอลมากกว่าถึง 79% มีโอกาสส่องประตูถึง 25 ครั้ง ไทย ได้ ปฏิวัติ คําไหม ส่วนเซฟไปได้ 7 ครั้ง ถ้าใครเคยเล่นเกมอย่าง FM เห็นสถิติแบบนี้ คงทำได้อย่างเดียวคือโหลดเซฟเล่นใหม่
เห็นแวบๆ ว่า ซน ฮึงมิน ได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในนัดนี้ แต่จริงๆ ควรให้นักเตะไทย ที่บุกมายันเสมอยอดทีมได้คาบ้าน แต่ถ้าให้เลือกจิ้มมาหนึ่งคน สำหรับผมก็ยาก เพราะเกมนี้ ‘ช้างศึก’ วิ่งสู้สุดด้วยกันทั้งทีม จึงขอคาราวะหัวใจทุกคน รวมไปถึงแฟนบอลที่ส่งใจเชียร์จนเก็บผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมกลับมาได้
90 นาทีแห่งความสุขผ่านไปแล้ว แต่เรายังไม่อีก 90 นาทีให้ได้ลุ้นกับที่ ราชมังคลากีฬาสถาน อีกนัดสำคัญที่จะต้องร่วมกันส่งแรงใจเชียร์ ทีมชาติไทย เผื่อจะไล่ตบ เกาหลีใต้ ได้อีกครั้ง วันที่ 26 มีนาคมนี้ ใครไม่มีบัตรก็เกาะจอรอเชียร์ เพราะเห็นว่าบัตรหมดไปแล้ว
The Lite Team.