Top 5: เรื่องน่ารู้ก่อน ‘ยูโร 2024’
การแข่งขันฟุตบอลยุโรปฤดูกาลนี้ เดินทางมาถึงการพักเบรคทีมชาติครั้งสุดท้ายของซีซั่น ก่อนจะกลับมาโม้แข้งกันต่อใน 2 เดือนที่จะบีบหัวใจกองเชียร์กันสุด ๆ ซึ่งในช่วงที่ไม่โปรแกรมสโมสรแบบนี้ เราจะมาชวนคุยเกี่ยวกับศึก ยูฟ่า ยูโร 2024 โดย 5 เรื่องที่แฟนบอลอย่างเราควรต้องรู้ จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปชมกันเลยครับ
1. ประเทศเจ้าภาพ และช่วงเวลาการแข่งขัน
การแข่งขัน ยูฟ่า ยูโร 2024 นั้นจะจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งเชื่อมั่นได้เลยเกี่ยวกับการจัดการต่าง ๆ สมกับที่หลายคนมั่นใจในคำว่า ‘มาตรฐานเยอรมัน’ เนื่องจากพวกเขาเคยเป็นเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์นี้มาแล้วในปี 1988 รวมไปถึง ฟุตบอลโลก 1974 และ 2006 และ โอลิมปิค มากถึง 4 ครั้ง โดยที่ผ่านมาทัพ ‘เมืองเบียร์’ เข้าแข่งขันรายการนี้มากกว่าชาติอื่นที่ 13 คราว คว้าแชมป์ไป 3 สมัย
โดยรายการนี้จะเปิดสนามวันที่ 14 มิถุนายน ระหว่างประเทศเจ้าภาพ พบกับ สกอตแลนด์ และจะตัดสินแชมป์ในวันที่ 14 กรกฎาคม แข่งขันรวมทั้งหมด 51 แมตช์
2. ทีมในแต่ละกลุ่ม
สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้ เป็นครั้งที่ 3 ที่มีชาติเข้าแข่งขัน 24 ทีม โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รายชื่อประเทศที่จะเข้าแข่งขันแล้ว 21 ทีม และรอผลการดวลเพลย์ออฟ ที่จะได้ข้อสรุปในคืนวันที่ 26 มีนาคม โดยในแต่ละกลุ่มมีทีมดังนี้
กลุ่ม A: เยอรมนี, สกอตแลนด์, ฮังการี, สวิสเซอร์แลนด์
กลุ่ม B: สเปน, โครเอเชีย, อิตาลี, อัลเบเนีย
กลุ่ม C: อังกฤษ, เดนมาร์ก, สโลวีเนีย, เซอร์เบีย
กลุ่ม D: ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, ผู้ชนะเพลย์ออฟสาย A
กลุ่ม E: เบลเยียม, สโลวาเกีย, โรมาเนีย, ผู้ชนะเพลย์ออฟสาย B
กลุ่ม F: โปรตุเกส, ตุรกี, สาธารณรัฐเช็ค, ผู้ชนะเพลย์ออฟสาย C
สำหรับ 2 อันดับแรกในแต่ละกลุ่ม จะเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ โดยอีก 4 โควต้าที่เหลือ จะคัดจากอันดับ 3 ที่คะแนนสูงที่สุด 4 ทีมแรก
3. มาสคอต และลูกฟุตบอล
แน่นอนว่าสิ่งนึงที่ได้รับความสนใจเสมอ ในมหกรรมลูกหนัง นั่นก็คืออัตลักษณ์ของแต่ละครั้ง โดยตัวมาสคอตของ ยูโร 2024 นั้นเป็นหมีในชุดสีน้ำเงินคาดลายสนุกสนาน กับรองเท้าสีสันลายธงชาติเยอรมัน ที่มาในชื่อ ‘อัลบาร์ต’ ซึ่งได้รับการโหวตจากแฟนบอล 32% โดยเจ้าหมีตัวนี้ต้องการจะสื่อถึง แรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ หันมากระตือรือร้น และตกหลุมรักฟุตบอล
สอดคล้องกับลูกฟุตบอลที่ได้รับการตั้งชื่อว่า ‘Fussballliebe (ฟุตบอลลิเบอ)’ ที่แปลว่า ‘รักฟุตบอล’ ในภาษาเยอรมัน ที่ทาง อาดิดาส ได้ผลิตโดยใช้วัสดุออร์แกนิค นอกจากนั้นยังนำเทคโนโลยีฝังเซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิคไว้ด้านใน เพื่อจับความเคลื่อนไหวและเพื่อช่วยในการตัดสินของกรรมการได้มากขึ้น
4. สนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
ประเทศซึ่งมีไส้กรอกเป็นเมนูขึ้นชื่อนั้น มีการแข่งขันฟุตบอลอย่างเข้มข้น ส่งผลให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องก่อสร้างสนามแห่งใหม่แต่ประการใด โดยทัวร์นาเมนต์นี้ จะใช้รวมกันทั้งสิ้น 10 สนาม
ไฮไลท์สำคัญอยู่ในรอบชิงชนะเลิศ ที่จะใช้เวที โอลิมเปียสตาดิโอน เบอร์ลิน ของสโมสร แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ซึ่งจุแฟนบอลได้มากถึง 71,000 คน โดยที่นี่ถูกใช้เป็นสังเวียนตัดสินแชมป์มาแล้วบ่อยครั้ง ซึ่งนัดที่คนน่าจะจดจำได้มากที่สุด คือรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2006 ที่ ซีเนดีน ซีดาน โขกหัวใส่ มาร์โก มาเตรัซซี่
5. การถ่ายทอดสดในประเทศไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ ยูโร ครั้งที่แล้ว แฟนบอลในแผ่นดินสยาม ต้องรอจนถึงช่วงไม่กี่วันก่อนที่นัดแรกจะโม้แข้ง ว่าจะมีให้ดูหรือไม่ ก่อนที่รองเท้ายี่ห้อหนึ่งจะโผล่มาเป็นฮีโร่ สปอนเซอร์ในการซื้อลิขสิทธ์ถ่ายทอดสด และทุกคนก็ต้องฟังเสียงเพลง “เชียร์ยูโร เชียร์ยูโร เชียร์ยูโร” วนไปอยู่หลายสัปดาห์
วันเวลาเดินผ่านทั้ง ฟุตบอลโลก 2022 ที่ได้ดูกันแบบเฉียดฉิวอีกครั้ง ผ่านมาถึงปี 2024 ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสเชียร์สนุก ๆ แบบที่แล้วมาหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ ขอแบบการันตีล่วงหน้า เพราะลำพังต้องลุ้นผลบอลก็ตื่นเต้นมากพออยู่แล้วครับ
นอกจากการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป จะดวลแข้งในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้แล้ว ทางฝั่ง โคปา อเมริกา ก็จะจัดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันที่สหรัฐอเมริกา
หลังจากที่ผมหาข้อมูลเขียนคอลัมน์นี้ อันที่จริงยังมีอีกหลายประเด็นน่าสนใจ ซึ่งสามารถแตกแขนงออกไปเป็นหัวข้อหลักของตนเองได้เลย ผมขอทดเอาไว้ก่อน แล้วมีโอกาสเมื่อไหร่จะรีบจัดให้กับสาวก ‘Lockscore’ ได้รู้ลึกก่อนใคร
เขียนโดย 38 Drinks
The Lite Team.