ส่วนใน เอเชีย ส่วนมากจะอ้างอิงตามจำนวนของ ผู้เล่นต่างชาติที่ส่งลงในการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่าง ญี่ปุ่น ส่งลงสนามได้ไม่เกิน 5 คน หรือลีกสุดฮอตอย่าง ซาอุดิอาระเบีย ก็เพิ่งเพิ่มโควตาต่างชาติเป็น 8 คนต่อทีม หลังพวกเขาใช้เงินเปย์ยอดนักเตะจากยุโรป มามากมาย

สำหรับใน ไทยลีก ก็มีการปรับโควตากันอยู่หลายหน ล่าสุดในฤดูกาลนี้ใช้ระบบ ผู้เล่นต่างชาติ 5 คน ผู้เล่นเอเชีย 1 คน และผู้เล่นอาเซียน 3 คน รวมทั้งหมด 9 คน แต่ในการแข่งขัน ผู้เล่นต่างชาติจะส่งรายชื่อได้เพียง 3 คน เท่านั้น เท่ากับว่าใน 1 เกม จะมีนักเตะที่ไม่ใช่คนไทย อยู่ในสนามได้มากที่สุด 7 คน 

ที่ผ่านมาๆ การปรับลดโควตา จะเป็นการปรับในจำนวน ‘โควตาอาเซียน’ ที่ฤดูกาลก่อนๆ ใช้ได้แค่คนเดียว ก่อนจะมาเพิ่มเป็น 3 คน และล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่าอาจจะปรับลดลงอีกครั้ง 

ปัญหาของโควตาอาเซียน มันอยู่ที่ว่ามีทีมที่ลงทุนไปหานักเตะลูกครึ่ง อาเซียน-ยุโรป เข้ามา เช่น ดิออน คูลส์ ที่เป็น มาเลเซีย-เบลเยี่ยม ซึ่งจริงๆ ก็มีทีมเดียวที่ลงทุนจ่ายเงินเดือนมหาศาลเพื่อดึงมาเล่นใน ไทย ทำให้ช่องว่างระหว่างตัวต่างชาติ ดูห่างยิ่งขึ้น ลองคิดดูว่า คุณมีนักเตะที่ย้ายมาจากลีกสูงสุดของ เบลเยี่ยม แต่อยู่ในโควตาอาเซียน เท่ากับคุณได้ต่างชาติเก่งๆ เพิ่มอีกคน ทั้งๆ ทีมอื่นลงสนามแค่ 3 คน 

ลามไปถึงประเด็นที่ว่า หากคุณใช้โควตาเต็มทุกอย่าง นักเตะไทย จะได้ลงสนามเพียง 4 คนต่อเกมเท่านั้น ทำให้หลายๆ คนมองว่า มันเป็นการปิดโอกาสการพัฒนาของเยาวชนไทย มากไปหรือเปล่า 

จริงๆ ในปัญหาแรก ต้องชื่นชมทีมอย่าง บุรีรัมย์ ที่ไปหานักเตะระดับนั้นมาสู่ทีมได้ ปัญหาในข้อนี้จริงๆ มันเหมือนพวกขี้แพ้ชวนตี ที่เห็นคนอื่นมีนักเตะดีๆ ก็ไปหาว่าเขาเอาเปรียบ (ตามความเห็นของผู้เขียน) ในเมื่อนักเตะติดทีมชาติ หรือมีเชื้อชาติในประเทศอาเซียน ก็ไม่ได้ผิดกฎอะไร หลายๆ ทีมก็เอาตัวอาเซียน ดีๆ จากลีกประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายกระดับทีมได้ เช่น 2 พี่น้อง อิคซาน

ปัญหาที่แท้จริงมันคือข้อที่ 2 ที่ต้องไปมองว่าโควตานักเตะต่างชาติ เยอะเกินไหม และมันจะส่งผลต่อการพัฒนาของเหล่าดาวรุ่งชาวไทย อย่างไรบ้าง 

เรื่องการลดโควตาต่างชาติ ถูกเสนอมาพร้อมกับ การเพิ่มใส่โควตานักเตะอายุไม่เกิน 23 ปี หรือไม่เกิน 21 ปี คือในแต่ละเกมจะต้องมีดาวรุ่งอยู่ในทีม หรืออาจจะบังคับอยู่ในสนามเป็น 11 ตัวจริงไปเลย ซึ่งบอกเลยว่า ไม่เวิร์ค เพราะหลายๆ ประเทศมีการใช้กฎแบบนี้ และมันจบลงด้วยการที่นักเตะดาวรุ่งลงสนาม 20 วินาที ก่อนจะถูกเปลี่ยนออก 

หากมองไปที่ปัญหาลึกๆ คือการหาโอกาสลงสนามให้กับนักเตะชาวไทย หรือดาวรุ่งที่กำลังก้าวขึ้นมาเล่นในเวทีฟุตบอลอาชีพ รวมไปถึงฟุตบอลในระดับที่สูงขึ้น สำหรับเยาวชนแล้ว การจัดตั้ง และสนับสนุนอย่างจริงจังกับการจัดทัวร์นาเมนต์ ยูธ ลีก น่าจะเป็นเรื่องที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดกว่า 

ส่วนเรื่องโควตาอาเซียน ลดเหลือคนเดียว ก็น่าจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะสาเหตุที่เพิ่มโควตาตรงนี้เข้ามา เพราะต้องการขาย ‘ไทยลีก’ ไปยังประเทศรอบๆ ของเรา แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ และในตอนนี้มีเพียง 4 สโมสร ที่ใช้โควตาอาเซียน มากกว่า 1 คน ดังนั้นลดลงไปก็ดูจะไม่กระทบกับทีมโดยรวมเสียเท่าไหร่ 

ส่วนโควตาต่างชาติ และเอเชีย ก็ไม่ควรไปปรับอะไรแล้ว เพราะอย่างน้อยๆ การนำเข้านักฟุตบอลที่เก่ง ย่อมส่งผลถึงการพัฒนาของนักฟุตบอลที่เหลือในทีม เว้นแต่ว่าในระดับทวีปจะมีการปรับกฎเพิ่มเติม ค่อยขยับไปปรับตามเขา 

จะปรับโควตาหรือไม่ เห็นว่าจะมีการประชุม และสรุปผลในช่วงก่อนฤดูกาลนี้จะจบลง แต่เชื่อเถอะว่าขยับไปสนับสนุนในการทำลีกเยาวชนให้ยั่งยืน จะเป็นการเปิดโอกาสปั้นดาวรุ่งมากกว่ามาถกเถียงกันเรื่องต่างชาติมาแย่งโอกาสคนไทย 

The Lite Team.