อย่างที่เคยบอกไปว่า สถิติต่าง ๆ รวมถึงฟอร์มที่ผ่านมา ใช้ไม่ได้กับศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง 2 สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษได้เลย แม้ว่า ‘หงส์แดง’ เป็นฝ่ายที่เหนือกว่าอีกฝั่งค่อนข้างชัดเจน แต่ส่วนตัวก็รู้สึกตงิด ๆ ตั้งแต่ก่อนเตะแล้วว่า นัดนี้มันจะไม่จบใน 90 นาที

‘เรด เดวิลส์’ เป็นฝ่ายโหมเกมบุกได้อย่างหนักหน่วงตั้งแต่เป่านกหวีด จนเป็นที่มาของประตูแรกของเกมในต้นครึ่งแรก และหลังจากนั้น กองทัพ ‘เรด แมชชีน’ ก็ดูยังสตาร์ทเครื่องไม่ติด แต่อยู่ดี ๆ ก็มาได้ 2 ประตูแซงช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก

ในครึ่งหลัง เชื่อว่าเหล่าสาวก ‘เดอะ ค็อป’ รวมถึงผม ต้องหัวร้อนกับจังหวะโต้กลับที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นมา 5 คน ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด มีแค่ 2 คน แต่กลับลงโทษไม่ได้ ไม่งั้นคงทิ้งห่าง 1-3 ไปแล้ว และ ลิเวอร์พูล ก็คงเป็นทีมที่เข้ารอบรองฯ แทน

เมื่อทำโทษจังหวะนั้นไม่สำเร็จ ผลมันก็ออกมาอย่างที่เห็นกันนั้นแหละ ซึ่งผมก็รู้สึกไม่ต่างกับแก๊ง ‘เดอะ ค็อป’ คนอื่น ๆ มากหรอก ผมนี่อยากลางานด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากเจอหน้าเพื่อนร่วมงานที่เป็นแฟนบอล ‘เรด เดวิลส์’

เซ็งจริง ๆ ที่ตกรอบ เอฟเอ คัพ จากประตูนาทีสุดท้ายอย่างน่าเจ็บปวด ความฝัน 4 แชมป์เพื่ออำลา คล็อปป์ ต้องจบลงด้วยน้ำมือของคู่อริตลอดกาล แต่ไม่เป็นไร เพราะยังมีนัดล้างตาใน พรีเมียร์ลีก วันที่ 7 เมษายน และขอฝากถึงสาวก ‘ผีแดง’ ว่าเตรียมตัวให้ดีแล้วกันนะ