Top 5: สุดยอด ‘ซูเปอร์ซัพ’ ตลอดกาล ‘พรีเมียร์ลีก’
สัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เกือบจะหล่นจากจ่าฝูงอยู่แล้ว แต่ว่าได้ทีเด็ดจากม้านั่งสำรองอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ลงมาเป็น ‘ซูเปอร์ซัพ’ โขกประตูชัยในช่วงท้ายเกม ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงนี่คงเป็นบทบาทที่ไม่มีกองหน้าคนไหนอยากเป็น เพียงแต่ว่านี่คือคุณสมบัตินักเตะที่ทีมจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมี ซึ่ง Top 5 ของนักเตะที่ลงมาเปลี่ยนผลการแข่งขันได้อยู่บ่อยครั้ง จะเป็นใครบ้างนั้นไปชมด้านล่างได้เลยครับ
5. ดาเนียล สเตอร์ริดจ์(Daniel Sturridge)
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ทำประตูเมื่อเป็นตัวสำรอง: 17 ประตู
เฉลี่ย 106.7 นาที ต่อประตู
อดีตกองหน้าพรสวรรค์สูงทีมชาติอังกฤษรายนี้ ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ได้ก่อนจะมาเป็นตัวความหวังของ ลิเวอร์พูล จนเกือบจะพาทัพ ‘หงส์แดง’ ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2013/14 แต่ว่ากัปตันทีมตอนนั้นดันลื่นไปซะก่อน
อย่างไรก็ตามเจ้าตัวมีปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง ส่งผลให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ เจอร์เก้น คล้อปป์ จำเป็นต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง จนต้องนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองเป็นหลัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถลุกมาช่วยทีมได้บ่อยครั้ง ให้สาวก ‘เดอะ ค็อป’ ได้เห็นลีลาการเต้นที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
4. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา(Ole Gunnar Solskjaer)
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทำประตูเมื่อเป็นตัวสำรอง: 19 ประตู
เฉลี่ย 92.9 นาที ต่อประตู
น่าแปลกใจที่ กองหน้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ซูเปอร์ซัพ’ ติดอันดับเข้ามาเป็นที่ 4 เท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าบางฤดูกาล ‘เพชฌฆาตหน้าทารก’ คือนักเตะตัวจริงของทีม รวมถึงยังมีช่วงที่ต้องมาเล่นเป็นปีกขวา แต่ก็ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนั้น โซลชา ยังเคยยิง 4 ประตู จากการเป็นตัวสำรองเพียงแค่ 10 นาที และเมื่อผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งช่วงแรกทำผลงานได้เป็นอย่างดี หลายฝ่ายก็ให้เหตุผลว่า นั่นเป็นเพราะเขาคือผู้เล่นที่อยู่ใกล้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บนม้านั่งข้างสนามมากที่สุด
3. ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ(Javier Hernandez)
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทำประตูเมื่อเป็นตัวสำรอง: 19 ประตู
เฉลี่ย 93.4 นาที ต่อประตู
ถ้าจะบอกว่านี่คือทายาทอสูรของ โซลชา ก็คงไม่ผิด เพราะว่ากองหน้าทีมชาติเม็กซิโก เข้ามาค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3 ปีให้หลังจากที่ดาวยิงรุ่นพี่อำลาทีม
‘ชิชาริโต้’ ยินดีที่จะรับบทบาทตัวสำรองของ เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งทำประตูสำคัญได้อยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะย้ายไปทำหน้าที่เดียวกันนี้กับ เรอัล มาดริด และยังเคยได้มีโอกาสกลับมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้งกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งที่นี่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาเหมาะกับการเป็นสำรองมากกว่าตัวจริง
2. โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์(Olivier Giroud)
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล, เชลซี
ทำประตูเมื่อเป็นตัวสำรอง: 21 ประตู
เฉลี่ย 106.7 นาที ต่อประตู
จริงอยู่ว่าภาพลักษณ์ของกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ ไม่ใช่ตัวสำรองขนานแท้ เนื่องจากมีช่วงที่เป็นตัวหลักให้กับทั้ง ‘ปืนใหญ่’ และ ‘สิงห์บลู’
โดยจุดเด่นที่สุดของ ชิรูด์ คือการพักบอลแดนหน้า ก่อนจะสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมคอยสอดเข้าไปทำประตู นอกจากนั้นเมื่ออายุมากขึ้น ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ให้เฉียบคมยิ่งกว่าสมัยหนุ่ม ๆ ซะอีก
1. เจอร์เมน เดโฟ(Jermain Defoe)
สโมสรเด่น: ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ซันเดอร์แลนด์, บอร์นมัธ
ทำประตูเมื่อเป็นตัวสำรอง: 24 ประตู
เฉลี่ย 128.8 นาที ต่อประตู
หนึ่งในอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษตัวสำรองรายนี้ อาจไม่ได้รับการยอมรับในฐานะดาวยิงเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่มีนักเตะเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น ที่ทำประตูได้มากกว่าเขาในเวที พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1992
โดยสกอร์ส่วนหนึ่งของ เดโฟ เกิดขึ้นในฐานะตัวสำรอง ซึ่งไม่เคยทำให้สต๊าฟฟ์ และแฟนบอลผิดหวัง นับตั้งแต่เริ่มต้นค้าแข้งเมื่อปี 1999 ก่อนจะเพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อต้นปี 2022 ไม่นานนี้เอง
นอกจากนั้นยังมีนักเตะอีกหนึ่งราย ซึ่งจำนวนประตูในฐานะตัวสำรองอาจไม่ได้มากมายเท่ากับ 5 คนที่กล่าวมา แต่ว่า เอดิน เชโก้ ที่เคยล่าตาข่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งลุกจากม้านั่งมาทำได้ 13 ประตูนั้น ใช้เวลาเฉลี่ยเพียงแค่ 89.1 นาทีต่อประตู ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดเมื่อคำนวณจากเวลาที่ได้รับโอกาส
อย่างที่บอกไปว่านี่ไม่ใช่บทบาททีนักเตะคนไหนอยากได้รับ เพราะใคร ๆ ก็ล้วนอยากเป็นตัวจริงกันทั้งนั้น เพียงแต่ดาวยิงบางคนก็มีสถิติชัดเจนว่า มักทำได้ดีเมื่อเป็นทีเด็ดไพ่ตายมากกว่าออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และสิ่งสำคัญที่สุด นั่นคือการพาทีมเก็บผลการแข่งขันตามที่ตัวเองต้องการได้สำเร็จ
เขียนโดย 38 Drinks
The Lite Team.
Reference
Planet Football. (2023). The 10 top-scoring substitutes in Prem history. Retrieved from https://www.planetfootball.com/quick-reads/10-top-scoring-subs-pl-history-giroud-sturridge-hernandez