TOP 10 : สุดยอด ‘ผู้จัดการทีม’ ตลอดกาลศึก ‘พรีเมียร์ลีก’
หลายครั้งที่ฟุตบอลต้องห้ำหั่นกันในสนามอย่างดุเดือด แต่หนึ่งในคนที่จะเป็นผู้บัญชาการทั้ง 11 คน รวมถึงเหล่าตัวสำรอง ให้พร้อมคว้าชัยเหนือคู่แข่ง ตำแหน่งนึงที่สำคัญมาก ๆ นั่นก็คือ ‘ผู้จัดการทีม’ และตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีก จะมีใครใน 10 อันดับแรกบ้างนั้นไปชมกันเลยครับ
10. เคลาดิโอ รานิเอรี่(Claudio Ranieri)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 238 นัด ชนะ 109 เสมอ 59 แพ้ 70 ยิง 385 เสีย 283
สโมสรเด่น: เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x1, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x5
เจ้าของฉายา ‘อ่อนภาษา’ รายนี้ โด่งดังขึ้นมาจากการคุมทีม เชลซี แต่ว่าการมาของ โรมัน อับราโมวิช ส่งผลให้เจ้าตัวต้องรีบเก็บกระเป๋าออกจากเกาะอังกฤษอย่างกับจะหนีหนี้ และอาจดูเป็นเพียงกุนซือธรรมดาในสายตาแฟนบอล
จนกระทั่งฤดูกาล 2015/16 ที่เขาสามารถพาทีมอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างตำนานเทพนิยายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ทั้งที่หนึ่งปีก่อนหน้านั้นต้องหนีตกชั้นจนถึงนัดสุดท้าย แน่นอนว่าสไตล์การเล่นคือสวนกลับเร็ว ไม่ได้สวยงาม แต่แล้วยังไงล่ะ เมื่อสุดท้ายนำความสำเร็จมาสู่ทีม
9. แซม อัลลาไดซ์(Sam Allardyce)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 541 นัด ชนะ 178 เสมอ 146 แพ้ 217 ยิง 636 เสีย 759
สโมสรเด่น: โบลตัน วันเดอเรอร์ส, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: -
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x6
ณ ยุคนึง หากทีมไหนกำลังล่อแล่ในช่วงท้ายฤดูกาล บอร์ดบริหารไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ขอเพียงแค่กดโทรศัพท์หาชายที่ชื่อว่า แซม อัลลาไดซ์ เขาจะช่วยแก้ปัญหาได้ทันที
ซึ่งถึงแม้ว่าหลัง ๆ มา จะทำไม่สำเร็จ ทั้งกับ เวสต์บรอมวิช หรือ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่มีใครโทษแกเลยสักคน เพราะผลงานก่อนหน้าของทีมเหล่านี้ย่ำแย่เกินจะทน ที่พีคสุดคือฝีมือของ ‘บิ๊กแซม’ ไปเข้าตาสมาคมฟุตบอลอังกฤษ จนได้โอกาสรับงานทีมชาติ และทำสถิติชนะ 100% เพราะคุมไปแค่นัดเดียว ก็ได้มีคลิปเสียงหลุดจนต้องปลิวจากตำแหน่ง
8. แฮร์รี่ เรดแนปป์(Harry Redknapp)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 641 นัด ชนะ 236 เสมอ 167 แพ้ 238 ยิง 818 เสีย 846
สโมสรเด่น: ปอร์ทสมัธ, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส
ถ้วยความสำเร็จ: -
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x1, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x8
แน่นอนว่าหลายคนคุ้นชื่อกุนซือรายนี้เป็นอย่างดี แต่อาจไม่รู้ว่าแกเริ่มต้นทำงานกับ บอร์นมัธ ตั้งแต่แขวนสตั๊ดเมื่อปี 1983 ก่อนจะโลดแล่นในวงการฟุตบอลอังกฤษถึงปี 2017 รวมเวลานานกว่า 3 ทศวรรษ
เรื่องของความสำเร็จที่เรียกว่าแชมป์ พ่อของ เจมี่ เรดแนปป์ อาจไม่ได้มีอยู่ในรายการ แต่ถ้าถามถึงผู้จัดการทีมสักคน ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ อีกทั้งยังคอยสร้างปัญหาให้กับทีมยักษ์ใหญ่ได้บ่อยครั้ง เขาคือโค้ชที่ใครหลายคนจะต้องนึกถึง
7. เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน(Sir Bobby Robson)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 188 นัด ชนะ 83 เสมอ 51 แพ้ 54 ยิง 294 เสีย 235
สโมสรเด่น: นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: -
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x6
อาจจะต้องแปลกใจกันสักหน่อย เมื่ออดีตกุนซือผู้ล่วงลับรายนี้ คุมทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยตัวเลขอันน้อยนิด แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าตัวประสบความสำเร็จอย่างมากกับ อิปสวิช ทาวน์ ในยุค 70 ก่อนจะมาเป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษ
หลังจากนั้นออกไปคว้าถ้วยในต่างแดนทั้งกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, ปอร์โต้ และ บาร์เซโลน่า ซึ่งถือว่าเป็นผู้จัดการทีมแดนผู้ดีเพียงคนเดียว ที่ออกไปโชว์ความสามารถนอกเกาะอย่างโดดเด่น และทำงานสุดท้ายที่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนจะวางมือ ในปี 2004 โดยระหว่างที่ไปทำงานในต่างประเทศ เขาได้สร้างกุนซือชั้นยอดขึ้นมาอีกคนคือ โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเราจะกล่าวถึงในอีกไม่ช้า
6. อันโตนิโอ คอนเต้(Antonio Conte)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 132 นัด ชนะ 83 เสมอ 19 แพ้ 30 ยิง 259 เสีย 135
สโมสรเด่น: เชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x1, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x3
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 10 ปี ใคร ๆ ก็บอกว่า “หลัง 3 มันล้าสมัยไปแล้ว” กระทั่งการมาของอดีตนักเตะทีมชาติอิตาลี ที่แรก ๆ ก็เล่นรับ 4 ตัว แต่ว่ามันไม่เวิร์ค จนสุดท้ายต้องติดตั้งพิมพ์เขียวของตัวเองลงไป และก็พาทีมเป็นแชมป์ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกเหนือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เข้ามาทำงานพร้อมกันทันที
อิทธิพลของแผนนี้ ส่งผลมาถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดจากการที่ทีมระบบกองหลัง 4 คนตามธรรมชาติ ยังต้องมีการปรับระหว่างเกม โดยให้แบ็คขยับเข้าเชื่อมเกมตรงกลาง หรือเรียกกันแพร่หลายว่า อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค เพื่อให้ครองเกมเหนือคู่แข่งได้แบบเบ็ดเสร็จ
5. เจอร์เก้น คล็อปป์(Jürgen Klopp)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 320 นัด ชนะ 201 เสมอ 74 แพ้ 45 ยิง 683 เสีย 315
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x2, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x9
การพาทีมที่ไม่ได้ลงทุนมหาศาล เก็บแต้มได้เกิน 90 คะแนน ถึง 3 ครั้ง จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด นั้นก็เป็นเรื่องที่บ้ามาก แม้สุดท้ายจะได้แชมป์แค่ครั้งเดียวก็ตาม และการนำถ้วยพรีเมียร์ลีกกลับ แอนฟิลด์ ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ก็ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสาวก ‘หงส์แดง’
น่าเสียดายที่หลังจากจบฤดูกาลนี้ เจ้าตัวจะโบกมืออำลาการเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งกุนซือรายใหม่จะต้องเจอกับความกดดันมหาศาล และการหาตัวแทนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คือการหาตัวแทน ของคนที่ไม่มีใครแทนได้
4. โชเซ่ มูรินโญ่(José Mourinho)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 363 นัด ชนะ 217 เสมอ 84 แพ้ 62 ยิง 625 เสีย 305
สโมสรเด่น: เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x4, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x3, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x4
ลูดศิษย์ก้นกุฏิของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน คือผู้จัดการทีมที่เนื้อหอมที่สุดในซัมเมอร์ 2004 ซึ่งสุดท้ายเจ้าตัวตกลงปลงใจทำงานให้กับ เชลซี และแค่ปีแรกก็พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 50 ปี พร้อมกับสร้างสถิติเสียเพียง 15 ประตูตลอด 38 นัด
หลังจากแยกทางกันไปรอบแรก กลับมาคุม ‘สิงห์บลู’ คำรบสอง ก็ยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ รวมไปถึงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พาจบอันดับ 2 ซึ่งเจ้าตัวยกให้นี่คือความสำเร็จที่สุดตลอดอาชีพการทำงาน ทว่าทีมเดียวที่ ‘เฮียเครียด’ เสกแชมป์ให้ไม่ได้คือ สเปอร์ส แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
3. อาร์แซน เวนเกอร์(Arsène Wenger)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 828 นัด ชนะ 476 เสมอ 199 แพ้ 153 ยิง 1,561 เสีย 807
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอ คัพ x7
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x3, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x15
ผู้เปลี่ยนวัฒนธรรมฟุตบอลอังกฤษ จากนักเตะที่แทบจะซดเบียร์สูบบุหรี่กันตอนพักครึ่ง ให้ดูแลร่างกายตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมไปถึงรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้เน้นโยนยาว เปิดโหม่ง ตามแบบฉบับประเทศต้นตำรับลูกหนัง
กุนซือชาวฝรั่งเศสรายนี้ ทำงานในประเทศญี่ปุ่นก่อนจะไปทำงานกับ อาร์เซนอล ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครเชื่อมือ แต่สุดท้ายเขาคือผู้จัดการทีมเพียงคนเดียว ที่พาทีมคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายได้สำเร็จบนเกาะอังกฤษ และนั่นคือความภาคภูมิใจของสาวก ‘ปืนใหญ่’ จนถึงปัจจุบัน
2. เป๊ป กวาร์ดิโอล่า(Pep Guardiola)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 289 นัด ชนะ 213 เสมอ 38 แพ้ 38 ยิง 715 เสีย 240
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, เอฟเอ คัพ x2, ลีก คัพ x4, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x3, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x15
ฤดูกาลแรกอาจจะเปิดตัวไม่สวยจนได้ฉายาว่า ‘โล้นจิบน้ำ’ แต่เมื่อทุกอย่างถูกติดตั้งอย่างสมบูรณ์แบบ เขาก็พาทีมเก็บชัยชนะจนเป็นเรื่องธรรมดา ถึงขนาดที่ว่าวันไหนชนะ 5 ลูก ยังไม่มีคนตื่นเต้น กลับกันถ้าแพ้นี่วันนั้นพวกเขาต้องซวยจริง ๆ
และซีซั่นที่แล้ว เป๊ป ก็สามารถพาทีมคว้า ‘ทริปเบิ้ล แชมป์’ ได้เป็นครั้งที่ 2 ของทีมจากอังกฤษ ต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งผลให้ได้รับคำชื่นชมว่า ‘เรือใบสีฟ้า’ คือทีมที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ แบบไม่มีใครกล้าค้าน
1. เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน(Sir Alex Ferguson)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: คุมทีม 810 นัด ชนะ 528 เสมอ 168 แพ้ 114 ยิง 1,627 เสีย 703
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x13, เอฟเอ คัพ x5, ลีก คัพ x4, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x2, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x11, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน x27, หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
ว่าตามตรงนี่คืออันดับที่เลือกง่ายที่สุดในการจัด Top 10 ‘ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลศึกพรีเมียร์ลีก’ เพราะแม้แต่ผมเองที่เป็นแฟน ลิเวอร์พูล ก็รู้สึกว่านี่คือรางวัลที่กุนซือรายนี้ควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง
สมัยยังคุมทีมอยู่ อาจมีแฟนบอลทีมอื่นหลายคน ตั้งคำถามว่ากรรมการนกหวีดหวานให้อยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แมนฯยูไนเต็ด ในช่วง 10 ปีหลังจากที่ ‘ป๋าแพนด้า’ วางมือ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าปัญหาหลังบ้านที่มีอยู่ ไม่มีใครจะสามารถดูแลได้ดีพอเท่ากับชายที่ชื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
หากเปรียบนักเตะคือวัตถุดิบ ผู้จัดการทีมก็คือพ่อครัว ซึ่งพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเชฟ 5 ดาว ที่รังสรรเมนูออกมาได้อย่างกลมกล่อม ทำให้พวกเราเพลิดเพลินกับรสชาติของลูกหนังพรีเมียร์ลีกได้อย่างชั้นเลิศ
เขียนโดย 38 Drinks
The Lite Team.