The Blue House: เซฟปอเช็ตติโน่ ยังคงดำเนินต่อไปสินะ…!?!
เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน หลังจากที่ต้องพึ่งประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทั้ง 2 ประตู นี่ขนาดเจอแค่ ‘ปราสาทเรือนแก้ว’ คริสตัล พาเลซ นะเนี่ย
คอเนอร์ กัลลาเกอร์ โชว์ความ “A Boy Who Really Has A Dream” อีกครั้ง ด้วยการซัดทั้งประตูตีเสมอ และประตูขึ้นนำในนาที 90+1 ก่อนที่ เอ็นโซ แฟร์นานเดซ จะมาตอกฝาโลงช่วยให้ทีมเก็บ 3 คะแนน ทะยานขึ้น ‘แดนเหนือ’ เป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ในซีซั่นนี้นี่แหละ
สำหรับรูปเกมนั้นต้องบอกว่า ไม่ได้เรื่องเลยในครึ่งแรก โดยเฉพาะ โนนี่ มาดูเอเก้ ที่บทจะดีก็ดีใจหาย ทะลุทะลวงได้อยู่คนเดียว แต่กับแมตช์นี้ถือว่าสอบไม่ผ่าน และพยายามจงใจพิสูจน์ตัวเองมากเกินไป ยังดีที่ เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ กุนซือขนมเข่ง V2 กล้าเปลี่ยนตัวเขาออกนะ
ก็อย่างที่รู้กันครับ ‘พอช’ แก้เกมได้ดีทีเดียว แม้ว่าต้องมาลุ้นกันจนตูดไม่ติดเก้าอี้ ข้อเสียก็ยังคงเป็นเรื่องซ้ำซากที่ไม่สามารถเจาะตาข่าย หรือต่อเกมได้ดีพอ ยามเจอกับทีมเล็กที่ถอยไปรับลึกกว่าปกติ มันเลยกลายเป็นการถ่ายบอลไปมาที่ไร้ซึ่งทิศทางว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ในขณะที่เกมรับก็มีสะเปะสะปะ พลาดเองหน้ากรอบเขตโทษให้เห็นอยู่เนือง ๆ
ถ้ายังคงความเหม็นเปรี้ยวขมคอแบบนี้อยู่ นัดถัดไปที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บอกเลยว่าเละเป็นโจ๊กสามย่านแน่นอน ยิ่งพวกเขาได้ตัว เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์เท้าชั่งทองที่ขึ้นชื่อว่า เป็นมหาเทพประจำยุค กลับมาประจำการห้องเครื่องแล้วด้วย
มิหนำซ้ำ เพื่อนบ้านน่ารำคาญที่อยู่ค่อนไปทางตอนเหนือ สโมสรที่ยังไร้ซึ่งแชมป์ยุโรปใบใหญ่ อย่าง อาร์เซน่อล ก็เพิ่งทำการตบสั่งสอน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 6 ดอกเน้น ๆ แสกหน้า เชลซี ที่พ่าย ‘ขุนค้อน’ ใน ลอนดอน สเตเดี้ยม 3-1 ราวกับเป็นการประกาศศักดาว่า “พวกข้านี่แหละเบอร์หนึ่งของเมืองหลวงโว๊ย”
ผมยังขอยืนยันคำเดิม ณ เวลานี้แล้วกันนะว่า ปอเช็ตติโน่ ยังมือไม่ถึงสำหรับการพา ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ หรือ ‘สิงห์บลู’ ในยุคสมัยนี้ กลับมาครองความยิ่งใหญ่ในเมืองผู้ดีแน่นอน เอาแค่บอลถ้วยสักถ้วยก็อาจจะไม่ได้ด้วยเช่นกัน...
The Lite Team.