เอเชีย การละคร บทสรุปนัดสุดท้าย เอเชียน คัพ รอบแบ่งกลุ่ม
ก่อนอื่นขอแสดงความยินดี และดีใจกับทีมชาติไทย ที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอเชียน คัพ 2023 ได้สำเร็จ ด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ไม่เสียประตูตลอดทั้ง 3 นัด และแอบไปยินดีกับเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย ที่ได้เข้ารอบเช่นกันในฐานนะหนึ่งในอันดับ 3 ที่ดีที่สุด
ที่ต้องพาดหัวว่าเอเชีย การละคร เพราะในการแข่งขันนัดสุดท้ายที่มีผลว่าใครจะได้เข้ารอบ และเข้าไปเจอกันนั้น มีการพลิกล็อค และหลบคู่แข่งกันอย่างสนุกสนาน เราจะมาไล่เรียงกันไปทีละเหตุการณ์ ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นไคลแม็กซ์ เกมระหว่างเกาหลีใต้ กับมาเลเซีย ที่ผ่านมา
ก่อนการแข่งขันถ้าเราจะให้ไล่เรียงแชมป์กลุ่ม ก็คงจะหนีไม่พ้นตัวเต็งที่เข้ามาในฐานะโถหนึ่ง เช่นพวกญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย หรืออิร่าน และถ้าคุณจบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มหมายความว่าเหล่าทีมท็อปพวกนี้ก็จะไม่ได้เจอกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปวัดกันที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ประเด็นมันมาเกิดขึ้นในนัดที่ 2 กลุ่มดี ที่ญี่ปุ่น เจอกับ อิรัก แล้ว ‘ซามูไร’ ดันไปพลาดแพ้จนมีโอกาสจบเป็นรองแชมป์กลุ่มสูง (เอเชียน คัพ ใช้เฮดทูเฮด วัดอันดับ) เว้นว่าในนัดสุดท้ายพวกเขาต้องลุ้นไม่ให้ อิรัก ชนะเวียดนาม ซึ่งก็มีความเป็นไปได้เพราะ ‘ทัพดาวทอง’ ต้องการ 3 คะแนนเพื่อมีลุ้นเข้ารอบ
เรียกว่าในกลุ่มดี นัดสุดท้ายคือกลุ่มที่มันที่สุด เพราะทุกคู่ยังมีผลต่อทั้งตัวเอง และผู้อื่น ญี่ปุ่น เจอกับอินโดเนีย ที่มี 3 คะแนน ซึ่ง ‘ทัพอิเหนา’ ยังลุ้นเข้ารอบได้ หากเก็บได้หนึ่งคะแนน หรือถ้าแพ้ก็ไปลุ้นประตูได้เสียจากคู่อื่น ส่วนอีกคู่คือ อิรัก กับเวียดนาม ทั้งคู่เข้ารอบ และตกรอบแน่นอนแล้ว แต่มันจะไปมีผลว่ากลุ่มนี้จะจบด้วยใครเป็นแชมป์กลุ่ม ซึ่งผลปรากฏว่า อิรัก แชมป์ และรองแชมป์เป็น ญี่ปุ่น
แวะที่คู่รักคู่แค้นอย่าง เวียดนาม นิดนึง อุตส่าห์ได้ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ดันมาโดนจุดโทษวินาที สุดท้าย จนไม่มีแต้มติดมีในรายการนี้ แถมไปอีกใบแดงจากจังหวะขึ้นแทงเข่าผู้เล่นอิรัก ช่วงท้ายครึ่งแรก บอกลาตำแหน่งเบอร์หนึ่งอาเซียน ให้กับไทย ไปก่อนเลย
การที่เบอร์ 1 ของเอเชีย จบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม ทำให้ชาติที่เหลือที่ยังไม่ลงแข่งคือกลุ่ม อี และเอฟ วุ่นวายหนัก เพราะแชมป์กลุ่มอี จะเข้าไปเจอกันญี่ปุ่น ซึ่งตอนแรกว่ากันว่าเป็นเกาหลีใต้ ส่วนแชมป์ในกลุ่มเอฟ ก็จะเข้าไปเจออันดับ 2 กลุ่มอี
ถ้าคุณเป็น ‘แฟนโสมขาว’ คงก็ไม่อยากเจอกับงานหนัก และอริอย่าง ญี่ปุ่น ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นแน่ และข่าวก็ประโคมกันว่า เกาหลี อยากหลบญี่ปุ่น จนไปถึงว่าจริงๆ อยากจะไปจบด้วยอันดับ 3 เพราะเส้นทางคู่ต่อสู้มันเบากว่าด้วยซ้ำ
แต่ ‘ฉลามขาว’ ยอร์เกน คลินส์มันน์ เฮดโค้ชเกาหลีใต้ ก็จัดชุดใหญ่ ประเดิมสนามเจอกับมาเลเซีย ที่อันดับโลกห่างกันเกิน 100 อันดับ ด้วยสถานการณ์แบบนี้พวกเขาคงเอาจริงแล้วแหละ เกาหลีครองเกมอยู่ฝ่ายเดียว และได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก และมีเพียงประตูเดียวในช่วง 45 นาทีแรก แต่ดูจากรูปเกม มาเลเซีย ไม่มีโอกาสยิงเลย ดังนั้นคงยากที่จะมีอะไรพลิกล็อก
ความสนุกมันดันมาเกิดในช่วงครึ่งหลัง ‘เสือเหลือง’ มายิง 2 ประตูใน 10 นาที แถมกล้องก็มีจับไปที่ คลินส์มันน์ ที่ดูไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน แต่แอบยิ้มมุมปากด้วยซ้ำ กลับกันพอทีมกลับมายิงแซงได้ช่วงนาที 90+4 หน้าของเฮดโค้ชกลับดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด 3-2 ในช่วงทดเวลา เกาหลี คงยอมไปเจอญี่ปุ่น แต่ดราม่าดันมาเกิดในวินาทีสุดท้าย เพราะพวกเขา ‘โดนยิง’ ในนาทีที่ 90+15 จนจบด้วยผลเสมอ 3-3
เหตุการณ์ทั้งหมดไม่รู้ว่า เกาหลีใต้ จะเล่นละคร เหมือนกับวีรกรรมในอดีต ที่พวกเขาขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่ทำทุกอย่าง กระทั้งการโกง เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ หรือาจจะเป็นแค่ความห่วยแตกของกองหลัง จนทีมเสียประตูง่ายๆ แต่สุดท้าย ‘เกาหลีใต้’ ก็ไม่เจอญี่ปุ่น (แต่ไปเจอ ซาอุดีอาระเบีย แทน)
ส่วนในกลุ่มเอฟ คู่ไทย กับซาอุฯ ก็โรเตชั่นพักตัวผู้เล่นกันกระจาย ‘ช้างศึก’ เปลี่ยน 11 คน ส่วน ‘สิงห์ทะเลทราย’ เปลี่ยนไป 7 ก่อนจะจบด้วยผล 0-0 ที่โดยที่มีจุดโทษหนึ่งครั้ง และส่งบอลเข้าก้นตาข่ายรวมกัน 4 ครั้ง แต่โดนยกล้ำหน้าไปหมด ที่น่าเสียดายคือ โอมาน ที่แค่ชนะ ก็เข้ารอบ แต่พวกเขาดันเสมอกับ คีร์กีซสถาน จนส่งให้ อินโดนีเซีย จับมือไทย เป็นตัวแทนอาเซียนร่วมใจ ผ่านเข้ารอบมาแทนด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า
ใครอาจจะบอกว่าถ้าทีมต้องการจะเป็นแชมป์ ต้องพร้อมที่จะชนะทุกทีม แต่การหลบ เพื่อเจอคู่แข่งที่เบากว่าก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ที่ไม่อาจว่าได้ แต่ไม่รู้ว่าแฟนเกาหลีใต้ จะว่ายังไง ถ้าเกิดแพ้มาเลเซีย ขึ้นมาจริงๆ
สุดท้าย ทีมชาติไทย ของเรามีโอกาสก้าวขึ้นไปอันดับต่ำกว่า 100 ได้ หากเก็บผลเสมอในเวลา 90 นาทีในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ ณ ตอนนี้เราแซง เวียดนาม ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียน อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขียนโดย Maxzio.
The Lite Team.