ซีอีโอคนเก่าอย่าง ริชาร์ด อาร์โนลด์ ได้ประกาศอำลาสโมสรไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยที่เจ้าตัวน่าจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในแผนการของสโมสร หลังจากที่กลุ่ม INEOS เตรียมที่จะเข้ามาถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์และเข้ามาควบคุมทุกอย่างเกี่ยวกับฟุตบอลภายในสโมสร 

ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดัน แพตทริก สจ๊วร์ต ขึ้นมารับตำแหน่งซีอีโอชั่วคราวให้กับสโมสรอยู่ ณ ตอนนี้ และจะเป็นไปจนกระทั่งจบฤดูกาลปัจจุบัน

ล่าสุด กลุ่มทุนของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ก็ไม่รู้ว่าไปเจรจากันอีท่าไหนจนได้ตัวของ เบอร์ราดา ที่ทำงานให้กับสโมสรอริร่วมเมือง เข้ามาเป็นซีอีโอคนใหม่อย่างเป็นทางการให้กับ ‘ปีศาจแดง’ โดยที่จะเข้ามาเริ่มทำงานในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

ถือว่าเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์พอสมควรสำหรับดีลนี้ โดยที่เขาเป็นตัวเต็งที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการกีฬาคนต่อไปของ แมนฯ ซิตี้ ต่อจาก ซิกิ เบกิริสไตน์ และเป็นที่อยู่เบื้องหลังในการคว้าตัว เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มาเสริมทัพเมื่อฤดูกาลก่อน

สำหรับประวัติความเป็นมาของ เบอร์ราดา ในแวดวงฟุตบอลเริ่มต้นขึ้นกับ บาร์เซโลนา ด้วยการทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายสปอนเซอร์ ซึ่งทำงานกับสโมสรในแคว้นคาตาลันเกือบ 8 ปี ก่อนที่จะย้ายมาทำงานให้กับสโมสรใน พรีเมียร์ลีก

ช่วงแรกในถิ่น เอติฮัด เขาได้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการด้านการขายกับพันธมิตร จนเมื่อปี 2016 ได้ขยับขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการให้กับสโมสร โดยที่ดูแลสโมสรทั้งใน ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป รวมถึงสโมสรพันธมิตรอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ส่วนผลงานนอกเหนือจากดีลขาเข้าที่ทำให้กับ ‘เรือใบสีฟ้า’ ได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ด้านขาออกหรือการปั้นนักเตะแล้วขาย เขาก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ที่เห็นได้ในเร็ว ๆ นี้ก็อย่างการขาย เจมส์ แทรฟฟอร์ด ที่เคยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่เกมเดียว ไปด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ให้กับ เบิร์นลีย์  รวมถึงการ โรมิโอ ลาเวีย ไปให้กับ เชลซี และได้เม็ดเงินกลับมามากถึง 53 ล้านปอนด์

สื่อหลายสำนักก็รายงานว่า เบอร์ราดา เจ็บปวดใจพอควรกับการย้ายมาทำงานให้กับสโมสรคู่ปรับร่วมเมือง แต่การทำงานให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นโอกาสที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นเดียวกัน และอาจจะมีส่วนสำคัญในการคัดเลือกผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกด้วย

นับเป็นดีลที่น่าตื่นเต้นพอสมควรสำหรับ ‘ปีศาจแดง’ เพราะตัวผมเห็นว่าปัญหาในสนามมันต้องเริ่มต้นจากการจัดการหลังบ้านให้ดีเสียก่อน และหวังว่าการเข้ามาของ เบอร์ราดา จะเป็นก้าวสำคัญของสโมสรในยุคใหม่นี้

เขียนโดย Uncle Bear

The Lite Team.