ในกลุ่ม เอฟ ไทย ถือทีมที่มีอันดับโลกต่ำที่สุดที่ 113 และเข้ามาอยู่ในโถ 4 ส่วน คีร์กีซสถาน อยู่ในโถ 3 อันดับโลก 98 ดังนั้นดังนี้จึงเป็นเกมที่สำคัญของทั้งสองทีม หากแพ้ โอกาสตกรอบแทบจะร้อยเปอร์เซ็น เพราะอีก 2 เกมที่เหลือจะไปเจอกับชาติที่แกร่งกว่า (โอมาน และซาอุดิอาระเบีย)

ก่อนเกมเนื่องจากเป็นเกมที่สำคัญ ดังนั้นคาดกันว่าทั้งสองฝ่ายต้องเล่นกันอย่างระมัดระวังไม่อยากมีใครแพ้ และโอกาสที่จะออกด้วยผลเสมอมีสูงมากๆ แต่ถ้าดูกันตามฟอร์มไทย อาจจะได้เปรียบเล็กน้อย เพราะคีร์กีซสถาน เพิ่งเล่นฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกด้วยการแพ้มาเลเซีย มาถึง 1-3 

เกมนี้ มาซาทาดะ อิชิอิ เลือกผู้เล่นจากความคุ้นเคยมีนักเตะ 7 จาก 11 คน เคยร่วมงานกันในนามสโมสร ปฏิวัติ คำไหม, พีรดลย์ ฉ่ำรัศมี กับสมุทรปราการ ซิตี้ และพรรษา เหมวิบูลย์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด และธีราทร บุญมาทัน ตอนอยู่บุรีรัมย์

อาจจะเป็นวิธีการแก้ปัญหากับช่วงเวลาเตรียมทีมที่โค้ชชาวญี่ปุ่นมีหลังเข้ามารับตำแหน่งค่อยข้างน้อย ดังนั้นคนที่เขาเคยใช้งาน เขาก็ย่อมมีคู่มือในการใช้งาน

เกมนี้ยังเลือกใช้กองหลังอาชีพยืนคู่กัน ไม่มีชื่อของกฤษดา กาแมน ที่ยึดเป็นตัวหลักในยุคของมาโน่ ส่วนกองกลาง อิชิอิ กล้าที่จะดร็อปสารัส อยู่เย็น และเลือกใช้ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ มายืนคุมจังหวะในแดนกลางแทน 

ต้องบอกว่า ‘ช้างศึก’ เล่นได้ยอดเยี่ยมตั้งแต่เริ่มเกม ความแตกต่างที่ถูกยกระดับมาจากยามที่ มาโน่ โพลกิ้ง คุมเหมือนจะเป็นการเข้าใจในเกม และรูปแบบการเข้าทำเกมรุกที่ชัดเจน แนวรุกสามประสานจากอดีตนักเตะบุรีรัมย์ เช็ค, แบงค์ และอาร์ม ที่เขย่าวงการไทยลีก กลับมาประสานงานเกมรุกให้กับทีมชาติไทยในเกมนี้ได้อย่างไร้ที่ติ เหมือนต่างคนต่างรู้ว่าจะต้องวิ่งไปตรงไหน จะต้องจ่ายบอลอย่างไร ส่วนปีกอีกฝั่งอย่าง บดินทร์ ผาลา ก็ใช้จุดเด่นในการเลี้ยงกินตัวกดดันคู่แข่งได้หลายจังหวะ 

ความว้าว ที่คนไทยได้เห็นภายใต้การคุมทีมของ อิชิอิ คือจังหวะการเล่น 1-2 จ่าย และขยับไปรับบอล ซึ่งมีการประสานงานแบบนี้เกิดขึ้นหลายจังหวะมากในช่วงครึ่งเวลาหลัง ทั้งระหว่าง 4 คนในแดนบน หรือการเติมเกมของ นิโคลัส มิคเคลสัน ก็สร้างจังหวะหลุดเข้าไปสวยๆ หลายครั้ง 

รูปแบบที่สวยงามแต่อาจจะโชคไม่ดี เกิดขึ้นหลายครั้งในเกมฟุตบอล ความไม่เฉียบคมในจังหวะสุดท้ายหลายเป็นปัญหาในหลายๆ เกม แน่นอนกับในเกมนี้ ทีมชาติไทย มีจังหวะการเข้าทำสวยๆ หลายครั้ง และควรจะมีประตูถึง 3 ประตู แต่ดันยิงไปชนเสา และชนคาน อย่างละลูก ยังดีที่ได้ประตูมาจากจังหวะเก็บตกของ ศุภชัย ไม่งั้นครึ่งหลังน่าจะเล่นด้วยความกดดันอย่างหนัก เพราะมีโอกาสแล้วดันทำไม่ได้ 

ถ้าจะให้กล่าวชื่นชมหลักๆ มี 3 คนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ในแดนหน้า โอเค ประตูทั้งสองลูกมากจากกองหน้าของ ‘ปราสาทสายฟ้า’ ที่หาตำแหน่งในการยืนได้ดีเหลือเกิน แต่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็โดดเด่นในจังหวะการเล่นเอามากๆ โดยเฉพาะในจังหวะโต้กลับเร็ว และวิ่งแซงไปรับบอลจนมีโอกาสยิง แต่เสียดายจังหวะสุดดันจับบอลลั่นออกไปเอง ปัญหาของกองหน้าจากโอเอช ลูเวิน อาจจะเหลือเพียงความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย แต่ด้วยวัยเพียง 21 ปี เขามี อนาคตสดใสในยุโรปอย่างแน่นอน 

คนต่อมาคือ ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แม้ว่าในเกมนี้คีร์กีซสถาน จะไม่มีจังหวะยิงประตูจังๆ จนต้องออกแรงเซฟ แต่จังหวะที่ออกมาตัดลูกอากาศไม่มีผิดพลาด และที่สำคัญที่สุดคือการออกบอลยาวในจังหวะสวนกลับเร็ว ‘ไมค์’ ก็เป็นคนวางบอลยาวให้ศุภณัฏฐ์ วิ่งสวนหลุดขึ้นไปดวลในจังหวะข้างต้น และมีอีกหนึ่งจังหวะสวยๆ ในช่วงท้ายเกม แต่โดนผู้รักษาประตูของคีร์กีซสถาน ออกมาตัดก่อน หลังเกมแฟนบอลไทย ยกให้กลายเป็น อลิสซอน เบ็คเกอร์ ไปแล้ว 

คนสุดท้ายคือ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่ยืนคุมจังหวะในแดนกลาง ทั้งตัดเกม และออกบอล ‘จารย์เตอร์’ ทำได้อย่างไร้ที่ติ ไม่มีข้อให้ติจริงๆ มีแต่คำสรรเสริญมอบให้ กับจังหวะการแก้เพรช และออกบอลให้เพื่อนขึ้นเกมต่อ แม้ว่าจะไม่มีจังหวะวางบอลเหนือความขาดหมายแบบเควิน เดอ บรอยน์ แต่ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กลางเป็นมิดฟิลด์กระดูกสันหลังเหมือน แฟรงกี้ เดอ ยอง และน่าจะยึดตำแหน่งนี้ยาวๆ ในยุคของเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น 

แต่ตลอดทั้งเกม ก็ไม่ใช่จะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเลย มีทั้งจังหวะจ่ายบอลพลาด จนโดนสวนกลับ หรือความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นบ้าง แต่เป็นทางคีร์กีซสถาน ไม่สามารถฉกฉวยโอกาสได้ แต่ในเกมต่อๆ ไปที่เจออย่างหนักกว่านี้ ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเกม 

เกมเปิดสนามมักเป็นเกมที่ยากเสมอ และทีมชาติไทย ไม่เคยจะทำผลงานได้ดีเลยในการลงเล่นเกมแรก ในหลายๆ ทัวร์นาเมนต์ อย่าง เอเชียน คัพ ครั้งก่อนในปี 2019 ก็แพ้อินเดีย ไปถึง 1-4 แต่ 3 แต้มครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดี กับยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ

ยังเหลือโปรแกรมอีก 2 นัด นัดต่อไปจะเจอกับโอมาน ที่โดนซาอุฯ ยิงแซงเอาชนะในช่วงทดเวลา ทำให้โอมาน ต้องการชัยชนะเท่านั้น เพื่อโอกาสที่จะเข้ารอบ เช่นกันหาก ‘ช้างศึก’ เก็บ 3 คะแนนได้ก็จะการันตีเข้ารอบแบบ 100% นัดสุดท้ายก็แค่กอดคอเล่นเพลย์เซฟไป 

ไทย กับโอมาน จะแข่งกันนในวันที่ 21 มกราคม 2567 เวลา 21.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ร่วมส่งแรกงเชียร์กันทางหน้าจอได้ทาง PPTV HD ช่อง 36 และ T-Sports 7

เขียนโดย The Lite Team.