TOP 10 : สุดยอด ‘มิดฟิลด์ตัวรับ’ ตลอดกาลศึก ‘พรีเมียร์ลีก’
มิดฟิลด์ตัวรับ ถือเป็นตำแหน่งการเล่นที่ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฎมากที่สุดในโลกฟุตบอล แต่การมีผู้เล่นสุดยอดในตรงนี้ ก็เปรียบเสมือน เรือมีสมออันแข็งแกร่งไว้ต้านทานคลื่นลม ที่โหมกระหน่ำตลอด 90 นาที และ 10 สุดยอดนักเตะตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกในพื้นที่ตรงนี้ จะมีใครกันบ้างนั้นไปดูกันได้เลยครับ
10. ชาบี้ อลอนโซ่(Xabi Alonso)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 143 นัด ยิง 14 ประตู จ่าย 17 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: -
หนึ่งในว่าที่กุนซือเนื้อหอมในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ กาลครั้งหนึ่งเขาคือสุดยอดมิดฟิลด์ โดยแจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล ก่อนจะไปประสบความสำเร็จสูงสุดกับ เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค
ถึงแม้ว่าโทรฟี่ประดับบารมีของเจ้าตัว ตอนที่เล่นอยู่กับทัพ ‘หงส์แดง’ จะมีอย่างน้อยนิด แต่จะทำยังไงได้ ก็ทีมภาพรวมมันห่วยเอง ซึ่งพูดถึงชื่อนี้แล้ว คงไม่มีใครที่จะปฏิเสธความสวยงามในการเปิดบอลของ ‘กองกลางมาดคุณชาย’ รายนี้ที่ช่างสง่างามเหลือเกิน
9. แกเร็ธ แบร์รี่(Gareth Barry)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 652 นัด ยิง 53 ประตู จ่าย 64 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรเอฟเวอร์ตัน x1, ลงเล่นพรีเมียร์ลีกมากสุดตลอดกาล
ในยุคที่ทีมชาติอังกฤษ มีกองกลางระดับท็อปอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่ทว่าทั้งสองคนกลับเล่นไม่เข้ากัน จนต้องมี แกเร็ธ แบร์รี่ ที่เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าไว้ จนผลงานดีขึ้น แม้จะไม่ถึงฝั่งฝันก็ตาม
เจ้าของสถิติลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกมากที่สุดรายนี้ มีจุดเด่นคือการพร้อมทำทุกอย่างตามที่โค้ชสั่ง อีกทั้งยังถอยลงไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายได้อีกด้วย โดยจุดเริ่มต้นยุคทองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกได้สำเร็จ ผู้ชายคนนี้ก็อยู่ในทีมชุดนั้น
8. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน(Jordan Henderson)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 431 นัด ยิง 33 ประตู จ่าย 54 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1, นักเตะทีมชาติอังกฤษยอดเยี่ยมประจำปี x1
จากอดีตนักเตะที่โดนดูถูกจากแฟนบอลทีมตัวเองมากที่สุด เนื่องจากมาสวมปลอกแขนต่อกัปตันระดับตำนาน อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งภาพที่เห็นจนชินตาในตอนแรกคือการแปะบอลไปมา คิดไรไม่ออกส่งคืนหลัง จนทีมแทบไม่ได้บุก กลายเป็นที่มาของชื่อ ‘อาแปะ’
อย่างไรก็ตาม เฮนโด้ สามารถพิสูจน์ตัวเอง โดยการก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อม จนกลายเป็นกำลังหลักคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และขาดไม่ได้คือถ้วยที่ ‘เดอะ ค็อป’ รอคอยกว่า 30 ปี อย่างพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ และสุดท้ายเมื่อเส้นทางของเขาใน แอนฟิลด์ มาถึงตอนจบ เขาก็จากไปในฐานะตำนานเช่นกัน
7. ไมเคิล คาร์ริก(Michael Carrick)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 481 นัด ยิง 24 ประตู จ่าย 40 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, เอฟเอ คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด x1
กุนซือมิดเดิลส์โบรห์ ที่สามารถพาทีมจากลีก แชมเปี้ยนชิพ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ ได้สำเร็จรายนี้ เป็นที่รักของแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างมาก และถือว่าเป็นผู้เล่นกองกลางตัวรับคนสุดท้ายของ ‘ปีศาจแดง’ ที่พาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ทีมยังคงไม่สามารถหาผู้เล่นทดแทนได้ แม้แต่การนำสุดยอดนักเตะจาก เรอัล มาดริด อย่าง คาเซมิโร่ มาแทนที่ ก็ยังทำได้เพียงแค่ประคอง ทว่าไม่ดีพอจะพาทีมกลับไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไหร่ หรือบางทีอาจต้องรอให้อดีตนักเตะไอคิวสูงรายนี้ ได้นั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีม โอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบเต็มตัว
6. มิคาเอล เอสเซียง(Michael Essien)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 168 นัด ยิง 17 ประตู จ่าย 10 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x4, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรเชลซี x1, ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรเชลซี x2
สำหรับแข้งรายนี้ย้ายมาอยู่กับ เชลซี พร้อมกับความแข็งแกร่ง จับคู่กับ โคล้ด มาเกเลเล่ ที่เป็นเต้ยของด้านนี้ในยุคนั้น ส่งผลให้ทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ มีเกมรับที่เหนียวแน่นมากสุดบนผืนแผ่นดินยุโรป
นอกจากนั้นเขายังเป็นแรงสนับสนุนชั้นดีให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด สามารถเติมเกมรุกได้แบบเต็มที่ชนิดที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง และที่เกินคำบรรยายที่สุดคือ เขาเป็นนักเตะจากแอฟริกาไม่กี่คน ที่ได้มีโอกาสสวมเสื้อสีขาวของ เรอัล มาดริด ซึ่งนั่นน่าจะเพียงพอต่อความสุดยอดของเขาบนแผ่นดินอังกฤษ
5. ปาทริค วิเอร่า(Patrick Vieira)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 307 นัด ยิง 31 ประตู จ่าย 34 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอ คัพ x4
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x6, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรอาร์เซนอล x1, หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
อันที่จริง 5 อันดับแรกของ สุดยqอด ‘มิดฟิลด์ตัวรับ’ ตลอดกาลศึก ‘พรีเมียร์ลีก’ นั้นสามารถสลับอันดับกันได้ทั้งหมด เพราะล้วนแต่ฝากผลงานให้กับต้นสังกัดในแบบที่แฟนบอลทุกคนต่างยกให้เป็นตำนานสโมสร
สำหรับ วิเอร่า คงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการเป็นกัปตันทีม ‘ปืนใหญ่’ ชุดไร้พ่าย ซึ่งจากวันนั้นจนวันนี้ อาร์เซนอล ยังไม่ได้สัมผัสกับถ้วยรางวัลพรีเมียร์ลีกอีกเลย นอกจากนั้นในยุคที่เขาเป็นตัวหลักของทีมชาติฝรั่งเศส ก็คว้าทั้งแชมป์ ฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลยูโร มาแล้ว
4. แฟร์นันดินโญ่(Fernandinho)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 264 นัด ยิง 20 ประตู จ่าย 19 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x6
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1, ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ x1, ประตูทรงพลังพรีเมียร์ลีก x1
ทุกคนรู้ซึ้งถึงคลาสบอลของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยสั่งสอนสมัยอยู่ บาร์เซโลน่า เป็นอย่างดี ซึ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชายผู้รับผิดชอบส่วนนี้ก็คือ แฟร์นันดินโญ่ ที่เปรียบเสมือนสมอของ ‘เรือรบสีฟ้า’ ให้ทีมประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง
การเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกแค่ครั้งเดียวใน 5 ปี หลังสุด เกิดขึ้นตอนที่มิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติบราซิลโรยรา และอยู่ระหว่างการหาตัวแทน ซึ่งทันทีที่ โรดรี้ มาถึง พวกเขาก็กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าว่าตามตรง ทั้งสองคนนี้ควรได้รางวัลนี้ไปร่วมกัน
3. โคล้ด มาเกเลเล่(Claude Makelele)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 144 นัด ยิง 2 ประตู จ่าย 4 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x2
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรเชลซี x1
มิดฟิลด์ผู้ปิดทองหลังพระผู้นี้ย้ายจาก ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว มาค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเพียงแค่ฤดูกาลแรกเขาก็ทำให้กูรูลูกหนังทั่วโลกเรียกตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับว่า “ตำแหน่ง มาเกเลเล่”
ด้วยรูปร่างตัวเล็ก แต่แข็งแกร่ง คอยปัดกวาดเกมรุกคู่แข่งไม่ให้ผ่านไปถึงกองหลังได้โดยง่าย จนช่วยให้ เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามา ซึ่งปีนั้นเองเขาช่วยให้ทีมเสียเพียงแค่ 15 ประตู ตลอด 38 นัด
2. รอย คีน(Roy Keane)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 366 นัด ยิง 39 ประตู จ่าย 33 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x7, เอฟเอ คัพ x4, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x5, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1, หอเกียรติยศ
ชื่อนี้การันตีความโหด ถ้าไม่เชื่อไปถามพ่อของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดูได้ และคุณลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นนักเตะเกมรุก ซึ่งกำลังเลี้ยงบอลไปข้างหน้าแต่ต้องเจอ รอย คีน ยืนอยู่ คุณคงไม่บ้าพอที่จะเข้าไปใกล้เขาแน่ ๆ
โดยถึงแม้ว่าความโรคจิตจะเป็นเครื่องหมายการค้าของอดีตกัปตัน ‘ปีศาจแดง’ แต่เชื่อหรือไม่ว่าจุดเด่นอย่างนึงของเจ้าตัวคือเกมรุก แบบฉบับ บ๊อก ทู บ๊อก ที่เรียกกันอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้นหากถามว่าใครคือกัปตันทีมพรีเมียร์ลีกที่ดีที่สุด เชื่อว่าชื่อของ รอย คีน คือคำตอบของคนส่วนใหญ่
1. เอ็นโกโล่ ก็องเต้(NescapeSingleQuotgolo Kante)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 227 นัด ยิง 12 ประตู จ่าย 17 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เลสเตอร์ ซิตี้, เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, ยูโรป้า ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สโมสรเชลซี x1
ชายตัวเล็กใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ไร้ซึ่งออร่าของการเป็นซูปเปอร์สตาร์ แต่ว่าเขาคือสุดยอดมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ด้วยการพาทีมนอกสายตาอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ในฤดูกาล 2015/16 ก่อนที่หนึ่งปีต่อมาจะทำได้เช่นกันกับ เชลซี
โคล้ด มาเกเลเล่ ถึงกับเคยออกมาพูดถึงรุ่นน้องรายนี้ว่า “เปลี่ยนการเรียกว่านี่คือตำแหน่งของผม เป็นตำแหน่ง กองเต้ เถอะ”
ซึ่งสิ่งที่น่ายกย่องของนักเตะรายนี้มากที่สุดคือ ความเป็นมืออาชีพที่มุ่งมั่นกับเกม และใช้ชีวิตนอกสนามแบบเรียบง่าย ไม่หลงไปกับแสงสีต่าง ๆ ที่เข้ามาหลังจากมีชื่อเสียง และเงินทองมากมาย ซึ่งนี่คือต้นแบบของนักฟุตบอลที่ดีอย่างแท้จริง
เขียนโดย The Lite Team.