ชวนคุยก่อนเกม: บทสรุปครึ่งทาง ‘พรีเมียร์ลีก’
ผ่านกันไปแล้ว 19 เกมของ พรีเมียร์ลีก ซึ่งก็มีหลายต่อหลายทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้ในฤดูกาลนี้ รวมถึงจ่าฝูงที่มีการเปลี่ยนมือกันแทบจะทุกสัปดาห์เลย
ปี ๆ นึงผ่านไปไวมาก เผลอแปปเดียวก็เดินทางมาถึงสิ้นปีกันจนได้ครับ บางคนก็อาจจะเดินทางไปพักผ่อน แต่ถ้าใครอยู่บ้านก็ยังคงมีฟุตบอลให้รับชมกันเหมือนในทุกสัปดาห์ครับผม โดยเฉพาะลีกอังกฤษ ที่เตะกันถี่เหมือนกลัวคนดูเหงาอ่ะครับ
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการโม่แข้งแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ ขาดเพียงแค่ในคืนวันจันทร์และวันศุกร์ไปเท่านั้นเอง และก็มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาด้วยครับ
หลังจากผ่านครึ่งฤดูกาล จ่าฝูงก็ถูกเปลี่ยนมือมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่หน้าเก่าอย่าง อาร์เซนอล พลาดท่าพ่ายแพ้คาบ้านในลีกเป็นเกมแรกของฤดูกาลนี้ให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ทางด้านทีมแชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ ยังคงมีเกมตกค้างอยู่อีกเกม และยังคงอยู่ในอันดับ 4 ของตาราง และเซอร์ไพรส์ที่สุดในฤดูกาลนี้คือการที่ แอสตัน วิลล่า ผงาดขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ซึ่งก็ต้องชื่นชมการทำทีมของ อูไน เอเมรี่ ด้วย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในอันดับ 6-7 ไม่เคยเกินนี้ เช่นเดียวกับ เชลซี ที่เหนียวแน่นเหลือเกินกับการอยู่ในอันดับ 10
ฟากของโซนท้ายตารางก็ยังคงเป็นน้องใหม่ 3 ทีมอย่าง ลูตัน ทาวน์, เบิร์นลีย์ และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ยังคงสม่ำเสมอในการอยู่ในโซนตกชั้นมาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล รวมถึง เอฟเวอร์ตัน ที่ถูกตัด 10 คะแนน ก็ยังคงปริ่ม ๆ กับโซนแดงอยู่ในตอนนี้
กลับมาที่เกมในสุดสัปดาห์นี้ที่จะเตะกันคาบเกี่ยวระหว่างช่วงปลายปีกับต้นปีกันไปเลยทีเดียว มาสรุปแบบสั้น ๆ กันเลยครับ
คู่หัวค่ำจะเป็นการพบกันของ ลูตัน ที่เพิ่งชนะ 2 เกมรวดได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ จะพบกับ เชลซี ที่ยังไม่เคยอยู่ในอันดับเลขตัวเดียวในฤดูกาลนี้
ด้วยชื่อชั้นแล้วยังไงซะนักเตะของ ‘สิงห์บลูส์’ ก็ดูเหนือกว่ากันเยอะ แต่ฟอร์มในบ้านของ ‘เดอะ แฮตเทอร์ส’ ก็ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
ต่อมาที่เกม 4 ทุ่มที่เตะกัน 4 คู่พร้อมกัน ก็จะขอเลือกมาแค่ 2 คู่ละกันครับ เริ่มจาก วิลล่า จะพบกับ เบิร์นลีย์ แน่นอนว่า อูไน จะเน้นเกมนี้เป็นพิเศษ หลังจากที่เพิ่งหยุดสถิติชนะรวดในบ้านในสัปดาห์ก่อนไปให้กับทีมน้องใหม่อย่าง ‘ดาบคู่’ และการเจอกับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นมาอีกทีม ยังไงซะก็ต้องเก็บชัยชนะเอาไว้ให้ได้
อีกหนึ่งเกมคือ แมนฯ ซิตี้ ที่จะพบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เก็บชัยชนะในลีกได้เพียง 2 จาก 7 เกมหลังสุด ซึ่งทำให้หลุดจากตำแหน่งจ่าฝูงมาอยู่ในอันดับที่ 4 และแน่นอนว่าเกมในนัดนี้ พวกเขาจัดเต็มอย่างแน่นอน
เกมสุดท้ายประจำวันเสาร์ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ชมาได้ 2 เกม จะเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นการพบกันของ 2 ทีมที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมกลางสัปดาห์ และด้วยการที่ ‘เจ้าป่า’ เพิ่งได้ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ มาทำทีม ก็อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับ เอริก เทน ฮาก ในการจับทางกับทีม ๆ นี้ก็เป็นได้
โยกมากันที่วันอาทิตย์ เริ่มต้นด้วย ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ ครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ในซีซั่นนี้ ซึ่งจะเป็นเกมที่ ฟูแล่ม เปิดรังต้อนรับ อาร์เซนอล
ทีมของ มาร์โก ซิลวา นี่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย หลังจากที่โชว์ฟอร์มหรูชนะ 5-0 มา 2 เกมติดต่อกัน ก็ฟอร์มรูดแพ้ 3 นัดรวดเอาซะดื้อ ๆ เลย ส่วนทาง ‘ปืนใหญ่’ ที่เพิ่งเสียตำแหน่งจ่าฝูงมาหมาด ๆ เองก็ต้องการทวงคืนตำแหน่ง ซึ่งเดาไม่ยากว่า ‘เจ้าสัว’ น่าจะแพ้เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันอย่างแน่นอน
อีกคู่ที่เตะพร้อมกันในเมืองหลวงของอังกฤษ จะเป็นเกมที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เปิดบ้านพบกับ บอร์นมัธ ที่ไม่แพ้ใครมาแล้ว 7 เกมติดต่อกัน ซึ่งรวมถึงการชนะรวด 4 เกมหลังสุดอีกด้วย
ทีมของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ยังคงเอาแน่เอานอนไม่ได้ หลังจากที่ควานหาชัยชนะไม่เจอ 5 เกมและกลับมาชนะ 3 เกมรวด ก่อนที่จะพ่ายแพ้อีกครั้งในเกมกลางสัปดาห์ ซึ่งสวนทางกับ อันโดนี่ อิราโอล่า ที่เหมือนจะจับจุดหาวิธีการเล่นที่ลงตัวให้กับ ‘เดอะ เชอร์รีส์’ ได้แล้ว และไม่ง่ายแน่ ๆ ที่ ‘ไก่เดือยทอง’ จะคว้า 3 คะแนนเต็มในเกมนี้
ปิดท้ายกันด้วยเกม ‘มันเดย์ ไนท์’ ที่ แอนฟิลด์ ครับผม เป็นบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์เลยก็ว่าได้ โดยเป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล จะลงเล่นกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงเอาไว้ได้ในช่วงคริสมาสต์ ด้วยผลงานไม่แพ้ใครในลีกมาแล้วถึง 12 เกม ซึ่งสวนทางกับ ‘สาลิกาดง’ ที่ฟอร์มเริ่มดร็อปลงในช่วงหลัง จากปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะที่เล่นงานมาโดยตลอด ทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะได้เพียงเกมเดียวจาก 5 เกมล่าสุด
จบกันไปแล้วสำหรับบทสรุปครึ่งฤดูกาลของ พรีเมียร์ลีก รวมถึงเกมที่จะลงเล่นในช่วงส่งท้ายปี มาลุ้นกันใหม่ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล แล้วมารอดูกันว่าสุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายที่ได้ครองแชมป์ไปในฤดูกาลนี้ พบกันใหม่ปีหน้าครับ
เขียนโดย Uncle Bear
The Lite Team.