ชวนคุยก่อนเกม: ดูกันยาว ๆ กับ ‘พรีเมียร์ลีก’ ในช่วงที่ลีกอื่นหนีหนาว
หลังจากที่ลีกประเทศอื่น ๆ ในยุโรปเริ่มทะยอยกันปิดลีกเพื่อหนีให้กับความหนาวเย็นในช่วงเทศกาล ก็เหลือเพียงแค่ พรีเมียร์ลีก ที่ยังตะบี้ตะบันเตะกันยาว ๆ จนกระทั่งเค้าท์ดาวน์ปีใหม่ก็ยังมีให้รับชมกันอยู่
สำหรับแมตช์วีคที่ 18 ก็มีเตะกันไปก่อนแล้ว 2 คู่ นั่นก็คือ คริสตัล พาเลซ ที่เสมอกับ ไบรท์ตัน ในคืนวันพฤหัสบดี และ แอสตัน วิลล่า ที่พบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในคืนวันศุกร์นั่นเองครับ ซึ่งตัวผมเองก็เขียนก่อนที่คู่หลังจะลงเตะ เลยยังไม่รู้ผลการแข่งขันว่าเป็นอย่างไร
สิ่งที่น่าสนใจของ ‘สิงห์ผงาด’ ก็คือหากพวกเขาสามารถเอาชนะในเกมดังกล่าวมาได้ ก็จะทำให้ทะยานขึ้นเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนในทันที และด้วยจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะกับการที่ ลิเวอร์พูล (อันดับ 2) และ อาร์เซนอล (อันดับ 1) จะต้องมาเจอกันเองในค่ำคืนวันเสาร์นี้ ซึ่งถ้าหากผลจบลงด้วยการแบ่งแต้ม ก็จะทำให้ อูไน เอเมรี่ ฉลองวันคริสต์มาสด้วยการขึ้นไปยืนเท่ ๆ บนหัวตาราง
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอพูดถึงคู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ที่ แอนฟิลด์ ก่อนเลยละกันครับ
นี่จะเป็นเกมในบ้านนัดที่ 100 ของ ‘หงส์แดง’ ในลีกที่จะต้องรับมือกับ ‘ปืนใหญ่’ ซึ่งตามหน้าประวัติศาสตร์แล้ว ทีมยักษ์ใหญ่จากลอนดอนเหนือบุกมาเอาชนะได้เพียง 24 ครั้งเท่านั้นเอง และในช่วงหลังของการเจอกัน ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่แพ้มาแล้วถึง 10 นัดติดต่อกันในสนามแห่งนี้ ด้วยการชนะไปถึง 7 เกมและเสมออีก 3 เกม
แต่ด้วยการที่ ‘เร้ดแมชชีน’ เพิ่งลงเล่นในเกมกลางสัปดาห์มา ต่างกับ ‘เดอะกันเนอร์ส’ ที่ได้พักมาอย่างเต็มที่ ก็อาจจะเป็นข้อได้เปรียบเดียวของ มิเกล อาร์เตต้า ในเกมนี้
ย้อนกลับมากันที่คู่แรกสุดของวันเสาร์ ในเวลาทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเกมของ เวสต์แฮม ที่เปิดรังพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเองครับ
‘ปีศาจแดง’ มีสถิติที่ไม่ค่อยดีนักในการมาเยือน ‘ขุนค้อน’ โดยที่เก็บชัยชนะได้เพียง 2 จาก 6 เกมหลังสุดเท่านั้น ซึ่งก็เกิดขึ้นในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในฤดูกาล 2020-21 และ 2021-22
เดวิด มอยส์ เพิ่งพาลูกทีมลงเล่นในเกม ลีกคัพ พ่ายแพ้ให้กับ ‘หงส์แดง’ มาอย่างเละเทะเมื่อกลางสัปดาห์ แต่เขาก็พักนักเตะตัวหลักหลายราย เพื่อรอพบกับ ‘ผีแดง’ ในเกมวันเสาร์นี้ ทางด้านของเอริก เทน ฮาก เองก็ต้องการกู้ศรัทธาแฟนบอล ด้วยการพาทีมกลับมาคว้าชัยชนะให้ได้อีกครั้ง หลังจากที่เก็บมาได้เพียงคะแนนเดียวจาก 2 เกมหลังสุด
มาที่อีกหนึ่งคู่น่าสนใจในคืนวันเสาร์ อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้แล้ว กับ เอฟเวอร์ตัน ที่ถูกหัก 10 คะแนน แต่ก็ฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ อังเก้ ปอสเตโคกลู พาทีมไม่ชนะใครมา 5 นัดติดต่อกัน พวกเขาก็สามารถกลับมาเก็บ 3 คะแนนเต็มได้ถึง 2 นัดติดต่อกัน และยังคงติดหนึบกับกลุ่มหัวตารางเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องของอาการบาดเจ็บอยู่อีกเพียบ รวมถึงนักเตะที่ถูกแบนถึง 2 รายในเกมนี้อย่าง เดสตินีย์ อูโดกี้ และ อีฟ บิสซูม่า
บทลงโทษดูท่าจะทำอะไรทีมของ ฌอน ไดช์ ไม่ได้เลย หลังจากที่เสียขวัญไปเกมเดียวที่พ่ายให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาก็เดินหน้าเก็บชัยชนะมาได้ 4 เกมรวด ซึ่งมีทั้งเกมที่เอาชนะ นิวคาสเซิล และ เชลซี มาได้ ก็ทำให้พวกเขาดีดตัวออกจากพื้นที่สีแดงได้อย่างสง่าผ่าเผย
ก็ต้องมารอดูกันว่า ‘ไก่เดือยทอง’ หรือ ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ ที่จะรักษาโมเมนตั้มของทีมตัวเองเอาไว้ก่อนเกมบ็อกซิ่งเดย์
มาถึงคู่สุดท้ายของสัปดาห์และเป็นคู่เดียวที่ทำการแข่งขันในคืนวันอาทิตย์ จะเป็นการเจอกันของ วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เชลซี ซึ่งฟอร์มของทั้ง 2 ทีมนี้ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ พอกัน ชนะสลับกับแพ้ปนกันไป
ถ้าไล่เรียงชื่อชั้นของตัวผู้เล่น ยังไงทางฟากของ ‘สิงห์บลูส์’ ก็ดูจะเป็นต่ออยู่เยอะเลยทีเดียว แต่หากลองไปดูที่อาการบาดเจ็บของพวกเขา ก็เพียบอยู่เหมือนกันและส่วนมากจะเป็นนักเตะในแนวรับซะเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เองก็ดูจะชื่นชอบกับเลข 10 ซะเหลือเกิน จากการที่พวกเขารั้งอยู่ในอันดับ 10 มานานหลายสัปดาห์ รวมถึงยังไม่เคยพาทีมทำอันดับขึ้นไปเหลือเลขตัวเดียวได้เสียที และแม้จะคว้าชัยชนะในเกมนี้มาได้ พวกเขาก็จะยังคงรั้งอยู่ในอันดับเดิมต่อไป
สำหรับสัปดาห์นี้ก็จะไม่มีเกมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ปลีกตัวไปลงแข่งศึกชิงแชมป์สโมสรโลก และจะกลับมาลงเล่นในเกมลีกอีกครั้งพร้อมกับทีมอื่น ๆ ในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ที่มีโปรแกรมให้เราได้รับชมกันอย่างต่อเนื่องไม่มีเหงา
ก็ต้องมารอดูกันว่า เมื่อเดินทางไปถึงสัปดาห์หน้าหรือผ่านไปแล้วครึ่งทางของฤดูกาล อันดับในตารางคะแนนจะมีการเปลี่ยนแปลงกันอย่างไรบ้าง แล้วติดตามกันต่อในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนี้กันครับ
เขียนโดย Uncle Bear
The Lite Team.