The Blue House: อยากไปจังเลยโปรเจ็คต์ ซูเปอร์ลีก
“ฟุตบอลไม่ได้มีไว้ขาย” คำกล่าวของ อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า อย่างที่เรารู้จักกัน นี่คือคำพูดที่ออกมาใจ หรือกลลวงที่กลัวตนเองเสียผลประโยชน์กันแน่
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1955 สำนักข่าวใหญ่ เลอ กิป แห่งประเทศฝรั่งเศส ได้ประกาศจัดทัวร์นาเมนต์การแข่งขันประลองแข้ง ระหว่าง สุดยอดสโมสรในแต่ละเชื้อชาติ นำทีมโดย เรอัล มาดริด ที่มีดาวยิงระดับตำนานอย่าง อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ ยืนเป็นดาวเด่นประจำทัพ
ซึ่งหากลองศึกษาประวัติศาสตร์กีฬาขาสั้นดูดี ๆ แล้ว เราก็พอจะเข้าใจได้ว่า ‘ราชันชุดขาว’ คือ หนึ่งในทีมชั้นนำที่ร่วมสร้างและเขียนกติกา ศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ลามจนมาถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก หูโตที่เราเห็นในปัจจุบัน ทั้งเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในรายการนี้อีกด้วย
หลังการเข้ามาพัวพันขององค์กรขาวขุ่น ขุ่นแบบโคลนตมผสมสีทาบ้าน ทำให้เกิดความผูกขาดในอำนาจของทัวร์นาเมนต์ ซึ่งพวกเขามีหน้าที่กำหนดและชี้ชะตาการแข่งขันอย่างเข้มงวด
คุณรู้ไหมครับว่า ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอร์เรนซ์ ที่ถูกคลอดออกมาไม่นาน เพราะความหิวโหยในลิขสิทธิ์ และอ้างว่าอยากเพิ่มถ้วยแชมป์ให้ทีมเล็กประดับประดาเนี่ย มีรางวัลสำหรับผู้พิชิตชัยเพียง 4.3 ล้านปอนด์ ซึ่งนั่นหมายถึง ไม่แม้แต่จะพอค่าเหนื่อยตลอดทั้งปีของนักเตะเพียงคนเดียวในทีม อาทิ เคิร์ต ซูม่า กัปตันทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่รับอยู่ 6.5 ล้านปอนด์ต่อปี
ไหนจะ เนชั่น ลีก ที่ไม่รู้จะมีทำแมวน้ำอะไร ให้นักเตะลงไปตะบันบุกบั่น เจ็บตัวกลับมาก็รักษาที่สโมสร ทำให้ต้นสังกัดเหล่านี้ต้องแบกรับความเสี่ยง เพิ่มค่าใช้จ่ายโดยที่พวกเขาไม่ได้เต็มใจนัก ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมโปรเจ็คต์ Super League จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อคานอำนาจกับ ยูฟ่า โดยอดีตผู้ร่วมก่อตั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก อย่าง เรอัล มาดริด
อย่าได้ดูถูกอำนาจเงินที่สปอนเซอร์พร้อมเปย์หลักพันล้านปอนด์ให้กับ Super League คุณก็รู้ดีว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่ใช่มนุษย์ไก่กาที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง จะว่าไปแล้วก็อยากให้ เชลซี ไปเตะรายการนี้นะ ยิ่งทุกวันนี้ส่อแววจะอดไป แชมเปี้ยนลีก อยู่.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.