TOP 10 : สุดยอด ‘ฟูลแบ็ค’ ตลอดกาลศึก ‘พรีเมียร์ลีก’
ว่ากันว่าตำแหน่งที่เล่นง่ายที่สุดในโลกลูกหนังคือพื้นที่ ‘ฟูลแบ็ค’ เนื่องจากมีพื้นที่ในการให้เล่นเกมรุกแบบเปิดกว้าง ขณะเดียวกันเกมรับก็มีเพื่่อนคอยช่วยอยู่ด้านหลังอยู่มากโข แต่ 10 สุดยอดนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ว่านี้ จะมีใครกันบ้าง ไปตามชมกันเลยครับ
10. เอียน ฮาร์ท(Ian Harte)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 237 นัด ยิง 28 ประตู จ่าย 36 แอสซิสต์ 67 คลีนชีต
สโมสรเด่น: ลีดส์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: เอฟเอ ยูธ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1
เริ่มต้นกันที่นักคนเตะคนแรกในลิสต์นี้ แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย แต่หากจะถามหาแบ็คซ้ายสักคนที่โดดเด่นที่สุดในฟุตบอลยุค 90 ลากยาวไป ปี 2000 คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เอียน ฮาร์ท ที่โด่งดังสุดขีดสมัยเล่นให้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด
สไตล์การเล่นของอดีตแข้งไอริช นั้นแตกต่างจากนักเตะตำแหน่งเดียวกันคนอื่น ๆ ในยุคนั้น เนื่องจากโดดเด่นในด้านของการลากเลื้อยจนถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ไรอัน กิ๊กส์ อีกทั้งยังมีลูกฟรีคิกที่เด็ดดวงไม่เป็นสองรองใคร และถ้าจับเขามาเล่นในยุคนี้ มั่นใจเลยว่าสามารถเล่นให้กับทีมใหญ่ได้สบาย ๆ เพราะขนาด ดิโอโก้ ดารั่ว ยังเล่นได้เลย
9. แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน(Andrew Robertson)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 260 นัด ยิง 9 ประตู จ่าย 27 แอสซิสต์ 77 คลีนชีต
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x2
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าหาก เอียน ฮาร์ท ยังวาดลวดลายอยู่จะมีสีสันประมาณไหน ให้นึกภาพง่าย ๆ ก็คงเป็นแบบที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โชว์ฟอร์มสะแด่วให้กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา
แข้งรายนี้ต้องต่อสู้ตัวเองจากการเป็นนักเตะทีมตกชั้น มาเป็นตัวสำรองที่ แอนฟิลด์ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าครึ่งฤดูกาลถึงจะแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงได้สำเร็จ ก่อนจะเป็นกุญแจสำคัญในการพาทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ การันตีด้วยการเป็นนักเตะกองหลังแท้ ๆ ที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
**ข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการ แอชลี่ย์ ยัง มีสถิติแอสซิสต์สูงกว่า แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าในอดีตแข้งรายนี้เล่นตำแหน่งตัวรุก
8. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์(Trent Alexander-Arnold)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 211 นัด ยิง 14 ประตู จ่าย 56 แอสซิสต์ 66 คลีนชีต
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x3, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x2
หากจะพูดถึงจุดอ่อนของนักเตะหมายเลข 66 รายนี้ แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องของเกมรับ ซึ่งทำให้ ลิเวอร์พูล เสียประตูมานักต่อนัก แต่ความสามารถทางด้านเกมรุกของเจ้าตัวสามารถช่วยลบข้อผิดตลาดตรงนี้ไปได้ทั้งหมด
ช่วงแรกที่ก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ เทรนต์ อาจมีจุดเด่นเพียงแค่การเปิดบอลจากด้านข้างเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับทำได้ดีในการหุบเขากลางมาแทงทะลุช่องให้กับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังสอดมายิงประตูสุดสวยได้เป็นกระบุงในช่วงหลัง ทำเอาสปอนเซอร์ใหม่อย่าง อดิดาส แทบจะหุบยิ้มไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว
7. บรานิสลาฟ อิวาโนวิช(Branislav Ivanovic)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 274 นัด ยิง 22 ประตู จ่าย 20 แอสซิสต์ 88 คลีนชีต
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอ คัพ x3, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1
แท้จริงแล้วเดิมทีเจ้าตัวแจ้งเกิดในฐานะเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แต่ว่ามาโดดเด่นที่สุดกับการเล่นแบ็คขวาให้กับ เชลซี ซึ่งแน่นอนว่าการเอากองหลังตัวกลางออกไปเล่นด้านข้าง ย่อมจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกมรับของทีม
แต่จุดเด่นที่สุดของแข้งชาวเซิร์บรายนี้ กลับกลายเป็นการเติมมาเล่นลูกเตะมุม ที่โผล่มาโขกเข้าไปตุงตาข่ายได้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งลูกสำคัญที่สุดคงจะหนีไม่พ้น การโหม่งประตูชัยในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นาที 90+3 ให้ทีมเป็นแชมป์เมื่อปี 2013
6. แพทริค เอฟร่า(Patrice Evra)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 278 นัด ยิง 7 ประตู จ่าย 21 แอสซิสต์ 98 คลีนชีต
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, ลีก คัพ x3, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x3, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า x1
กว่า 8 ฤดูกาล ในการเล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาคือนักเตะที่ขึ้นสุดลงสุด พร้อมทำทุกหน้าที่เพื่อช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จแบบที่หาใครเทียบยากในยุคนั้น
แม้ว่าแข้งรายนี้จะถูกรังเกียจโดยแฟนบอลทีมอื่น ๆ โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล เนื่องจากความบาดหมางกับ หลุยส์ ซัวเรซ เมื่อปี 2013 แต่ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่ปัญหาของเขา เพราะแค่จำนวนโทรฟี่ที่คว้ากับ ‘ปีศาจแดง’ ก็พอจะเอาไปขิงทีมคู่แข่งได้อีกหลายทศวรรษ และจนถึงปัจจุบัน ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถหาผู้นำ และแบ็คซ้ายได้ดีเท่าเขาอีกเลย
5. เซซ่า อัซปิลิกูเอต้า(César Azpilicueta)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 349 นัด ยิง 10 ประตู จ่าย 35 แอสซิสต์ 115 คลีนชีต
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล เชลซี x1, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเป็นนักเตะจากต่างแดน แต่เป็นที่รักของแฟนบอลประหนึ่งเติบโตขึ้นมาในทีมเยาวชน แต่ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับชายที่มีชื่อเล่นว่า ‘เดฟ’ แบบงง ๆ โดยเขาลงสนามให้กับทัพ ‘สิงห์บลู’ ช่วงปี 2012-2023 และเป็นนักเตะคนแรกของสโมสรที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้ครบทุกรายการ
จุดเด่นที่สุดของฟูลแบ็ครายนี้ คือนอกจากจะเล่นทางฝั่งขวาได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถขยับไปเล่นด้านซ้ายได้ รวมไปถึงปรับตัวเข้าไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในระบบกองหลัง 3 ตัวได้ยอดเยี่ยม และคำพูดสุดประทับใจในการบอกลา สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในฐานะตำนานของเขาคือ “พวกคุณเรียกผมว่า ‘เดฟ’ แต่หลังจากนี้ ผมจะเรียกพวกคุณว่าบ้าน”
4. เดนิส เออร์วิน(Denis Erwin)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 328 นัด ยิง 18 ประตู จ่าย 25 แอสซิสต์ 123 คลีนชีต
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x7, เอฟเอ คัพ x2, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
หาก รอย คีน คือผู้นำทัพ ‘ปีศาจแดง’ ที่ดุดันพร้อมหวดไม่ยั้งใส่ทีมคู่แข่ง และว๊ากใส่แกงค์ดาวรุ่ง ‘คลาส ออฟ 92’ เดนิส เออร์วิน ก็เปรียบเสมือนพี่ชายคนโตที่สุขุมนุ่มลึก และคอยเป็นพี่เลี้ยงเด็กๆแกงค์นั้นอย่างนุ่มนวล
ว่ากันว่าการยิงฟรีคิกที่สุดยอดของ เดวิด เบคแฮม นั้นมีผู้ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ไม่ใช่ใครอื่น ทว่าเป็นรุ่นพี่ในทีมผู้นี้นี่แหละ ซึ่งด้วยทักษะการออกบอลของเขา บางทีถ้ายังเล่นอยู่ในปัจจุบัน อาจจะได้มีโอกาสเล่นในตำแหน่ง อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค แบบที่กำลังนิยมในขณะนี้
3. แอชลี่ย์ โคล(Ashley Cole)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 385 นัด ยิง 15 ประตู จ่าย 31 แอสซิสต์ 118 คลีนชีต
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล, เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอ คัพ x7, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x4, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า x2, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล x2
เรียกได้ว่าเป็นนักเตะ ‘จูดาส’ เพียงคนเดียวในลิสต์นี้ เนื่องจากย้ายข้ามฟากจาก อาร์เซนอล ไปยังคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง เชลซี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงที่เขาสร้างชื่อเสียงขึ้นมากับ ‘ปืนใหญ่’ นั้นก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษในรอบหลายทศวรรษ อีกทั้งยังเป็นตัวหลักในชุดไร้พ่ายเมื่อฤดูกาล 2003/04
และถึงแม้ว่าจะต้องรับความกดดันเมื่อย้ายมาเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ก็ยังรักษาฟอร์มคงเส้นคงวาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จนมีส่วนร่วมในการคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ครั้งแรกของสโมสร โดยจุดเด่นที่สุดตลอดการค้าแข้ง คงจะหนีไม่พ้นการเติมขึ้นมาทำประตู รวมไปถึงช่วยให้ทีมไม่เสียประตูโดยสกัดบอลออกจากเส้นที่เห็นบ่อยจนเป็นภาพชินตา
2. แกรี่ เนวิลล์(Gary Neville)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 400 นัด ยิง 5 ประตู จ่าย 35 แอสซิสต์ 148 คลีนชีต
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x8, เอฟเอ คัพ x3, ลีก คัพ x3, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x2, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x5, ทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
อันที่จริงหากนับเฉพาะถ้วยรางวัล แกรี่ เนวิลล์ ควรจะได้รับเลือกให้เป็นที่หนึ่ง แต่ถ้าหากเราจะจัดกันแบบนั้นทุกตำแหน่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ ‘ป๋า เฟอร์กี้’ คงเข้าวินแบบแลนด์สไลด์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเล่นแบบฉบับแบ็คโบราณที่เอาชัวร์ไว้ก่อน คือกุญแจสำคัญในการแพ้ยากของ ‘เร้ด เดวิล’’
ทว่าเกมรุกของแข้ง ‘วันแมนคลับ’ รายนี้ไม่ได้ย่ำแย่เลย เพราะสอดประสานมาเปิดบอลสวย ๆ กดดันคู่แข่งได้อยู่บ่อยครั้ง ดีไม่ดีให้เขาลุกจากเก้าอี้นักวิจารณ์ไปเตะฟุตบอลด้วยรองเท้าคัทชู อาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่า อารอน วาน-บิสซาก้า ซะอีก ถ้าไม่เชื่อลองส่งข้อความไปถาม เจมี่ คาราเกอร์ เพื่อนซี้ในปัจจุบันดูก็ได้
1. ไคล์ วอล์คเกอร์(Kyle Walker)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 378 นัด ยิง 8 ประตู จ่าย 33 แอสซิสต์ 127 คลีนชีต
สโมสรเด่น: ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, เอฟเอ คัพ x2, ลีก คัพ x4, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x3, ทีมยอดเยี่ยม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เชื่อว่าหากพูดถึงสุดยอดฟูลแบ็ค หลาย ๆ คนคงไม่ได้นึกถึงชื่อของ ไคล์ วอล์คเกอร์ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติมเกม หรือยิงประตู แต่ด้วยวัย 33 ปี เขาคือเจ้าของสถิตินักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วยความเร็ว 37.31 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และด้วยการยืนระยะบนฟอร์มที่ไม่เป็นสองรองใคร นับตั้งแต่เล่นให้กับ สเปอร์ส เมื่อปี 2009 จนถึงปัจจุบันกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังยึดโควต้า 11 ผู้เล่นตัวจริงได้อย่างเหนียวแน่นในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็สามารถการันตีได้ว่าเขาคือหนึ่งในใต้หล้าของตำแหน่งฟูลแบ็ค
เขียนโดย The Lite Team.