Gooner Journey: ตัวละครลับแห่ง เอมิเรตส์ ‘เอดู กาสปาร์‘
อย่างที่ทราบกันดีว่า อาร์เซนอล ไม่ใช่ทีมจอมทุ่มอะไรมากมายเมื่อเทียบกับทีมชั้นนำอื่นๆ ดังนั้นการที่ เอดู จะเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ก็จะต้องเป็นคนที่มีค่าจ้างไม่แพงนัก และนั่นแหละครับ! บุคคลนั้นก็คือ ‘มิเกล อาร์เตต้า‘
ก่อนจะมาถึงคิวของ อาร์เตต้า ชายผู้ที่พลิกสถานการณ์ของสโมสรให้กลับมาอยู่ในครรลองครองธรรมที่ถูกต้อง ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของ เอดู กาสปาร์ หรือที่เราเรียกกันติดปากสั้นๆว่า ‘เอดู‘ เขาถูกว่าจ้างให้เข้ามายังสโมสรก่อนในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 ซึ่งการเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา หมายความว่าเขาจะต้องมีหน้าที่รับวิสัยทัศน์จากบอร์ดบริหารเบื้องบน และนำแนวคิดนั้นกระจายไปยังทิศทางที่ถูกต้อง ด้วยการหานักเตะและกุนซือที่เหมาะสมกับงบประมาณและระเบียบแบบแผนที่สโมสรตั้งเอาไว้
สิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุดคือการทำงานร่วมกันระหว่าง อาร์เตต้า และ เอดู พวกเขาทั้งสองคนเข้าอกเข้าใจและแบ่งหน้าที่กันได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเรียกได้ว่าทั้งคู่เป็นผู้ริเริ่มวิวัฒนาการของ อาร์เซนอล ชุดนี้อย่างแท้จริง
"ด้วยความที่เราสนิทกันมาก่อน ผมจึงเข้าใจวิธีการทำงานของเขาโดยที่เราไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย นี่แหละคือวิธีการสร้างทีมขึ้นใหม่เพื่อไล่ล่าความสำเร็จตามแบบฉบับของผม"
เอดู กาสปาร์ เคยกล่าวเอาไว้ตอนเซ็นสัญญากับ มิเกล อาร์เตต้า
วิธีการทำงานของทั้งคู่ มีประเด็นที่น่าสนใจมาก ยกตัวอย่างเช่น การนำข้อมูลและสถิติของนักเตะแต่ละคนมาคุยกัน โดยที่ อาร์เตต้า จะเป็นคนเลือกนักเตะที่อยากได้ ขณะที่ เอดู มีหน้าที่นำเสนอข้อมูลเชิงสถิติเพิ่มเติม จากนั้นถ้าพวกเขามีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน การเจรจาก็จะเริ่มต้นขึ้นทันที
"ในการประชุมทุกครั้ง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะแสดงความเห็นออกมาว่าพวกเราต้องการปรับปรุงในส่วนไหนของสโมสรบ้าง? ซึ่งถ้าหาก อาร์เตต้า บอกว่าอยากได้ใครเข้ามาร่วมทีม ณ ขณะนั้น ผมจะต้องให้ความสำคัญกับแนวคิดของเขาทันที นี่คือสิ่งที่แสดงถึงความใส่ใจ ถึงแม้ว่าผมจะมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่เบื้องบนมากกว่าที่จะต้องลงมาคลุกคลีกับผลงานในสนาม"
เอดู กาสปาร์ กล่าวเสริมถึงความสำคัญในวิธีการทำงานของเขากับ อาร์เตต้า
สิ่งที่ตามมาจากความละเอียดในการทำงานของทั้งคู่ก็คือ "พวกเขาได้นักเตะฝีเท้าดีหลายคน" ยกตัวอย่างเช่น ‘กาเบรียล มากัลเญส‘ ที่ตัวของ เอดู เองถึงกับยอมบินไปดูฟอร์มด้วยตนเองถึงประเทศฝรั่งเศส, การซื้อ ‘วิลเลี่ยม ซาลิบา‘ ในราคา 30 ล้านปอนด์ แต่กลับปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน อีกทั้งยังมีในรายของ ‘มาร์ติน โอเดการ์ด‘ ที่กำลังจะเป็นดาวร่วงในทีมของ เรอัล มาดริด แต่กลับมาเฉิดฉายได้ในทีมชุดปัจจุบันของ ‘ทัพปืนใหญ่‘
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่การได้โค้ชที่ใช่ประกอบกับนักเตะที่โค้ชชอบ รวมถึงการให้เวลาเหล่าบรรดาผู้เล่นได้พิสูจน์ผลงาน ทั้งหมดจึงถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันจนกลายเป็น "อาร์เซนอล ที่ดูสนุกที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว"
เขียนโดย The Lite Team.