ชวนคุยก่อนเกม: เริ่มต้นเดือนธันวาฯ ด้วยจ่าฝูงที่เปลี่ยนไป
จ่าฝูงได้เปลี่ยนมือกันไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้เพียงเสมอกับ ลิเวอร์พูล จนทำให้ อาร์เซนอล ที่คว้าชัยมาได้ ขึ้นไปยึดเป็นท็อปของตารางคะแนน มารอลุ้นกันครับว่าแมตช์วีคนี้ จะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกันอีกไหม
การแข่งขันเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ก็แสดงว่าฟุตบอลลีกของยุโรปก็เดินทางมาเกือบจะครึ่งทางกันแล้วในตอนนี้ และต้องขอขอบคุณ พรีเมียร์ลีก จริง ๆ ที่สัปดาห์นี้แบ่งให้ดูกันแบบลงตัว วันเสาร์ 5 คู่ วันอาทิตย์อีก 5 คู่ มาดูกันว่าคู่ไหนน่าสนใจบ้างครับ
เริ่มด้วยจ่าฝูงหน้าใหม่ในซีซั่นนี้อย่าง อาร์เซนอล ที่เปิดบ้านพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น การเจอกันของทึมผู้ประสบภัยจาก VAR ในซีซั่นนี้ โดยที่กุนซือทั้ง 2 ทีมได้ออกมาฉะกับการทำงานของผู้ตัดสินกันทั้งหมดแล้ว ก็รอดูกันว่าในเกมนี้จะมีประเด็นเรื่องของคำตัดสินอีกไหมนะครับ
ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังฟอร์มร้อนแรงด้วยการเก็บชัยชนะมา 4 นัดติดในทุกรายการ รวมถึงเพิ่งเปิดบ้านถล่ม ล็องส์ ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ไปได้ด้วยสกอร์ 6-0 และยังมีสถิติที่ดีในการเจอกับ วูล์ฟส์ อีกด้วย โดยที่ 4 เกมหลังสุด พวกเขาเก็บชัยชนะมาได้ทั้งหมด รวมถึงยังการันตียิงได้อย่างน้อย 1 ลูกมาได้ถึง 31 เกมที่เจอกันในทุกรายการ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกจนถึงตอนนี้ ด้วยจำนวนเพียงแค่ 10 ประตูเท่านั้น
ก็คาดว่าพลพรรค ‘เดอะ กันเนอร์ส’ น่าจะยึดหัวตารางได้ต่อไปอีกสัปดาห์ครับผม
ข้ามมาที่คู่ดึกที่สุดของคืนวันเสาร์กันเลยละกันครับ นิวคาสเซิล จะเปิดบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่จะเตะกันในเวลาตี 3 บ้านเรา เป็น 2 ทีมที่อยู่ในอันดับติดกันคือ 7 กับ 6 ตามลำดับ และยังเป็นทีมในกลุ่มลุ้นโควต้าพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย
ทั้งคู่เพิ่งผ่านการลงเล่นเกมกลางสัปดาห์ แต่ทางด้านของ ‘ปีศาจแดง’ ดูจะเสียเปรียบกว่านิดหน่อยตรงที่เล่นทีหลังในวันพุธ ส่วน ‘สาลิกาดง’ ได้เตะในวันอังคาร ซึ่งก็ทำได้เพียงเสมอกันทั้ง 2 ทีมในการออกไปเยือนของรายการยุโรป
ในฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านให้กับ นิวคาสเซิล มาแล้วครั้งหนึ่งในเกม คาราบาวคัพ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และเกมนี้ต้องออกไปเยือนซะด้วย ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งงานยากสำหรับ เอริก เทน ฮาก ที่จะมีแต้มติดไม้ติดมือกลับออกมา
ข้ามมาวันอาทิตย์ในเวลา 3 ทุ่มที่คู่ของ ลิเวอร์พูล รับการมาเยือนของ ฟูแล่ม ซึ่งทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บของตัวผู้เล่น โดยที่ล่าสุดเป็นคิวของนายทวารมือหนึ่งอย่าง อลิสซอน เบคเกอร์ และตัวรุกอย่าง ดิโอโก้ โชต้า ที่น่าจะพลาดการลงเล่นในเกมนี้อย่างแน่นอนแล้ว
ฟอร์มการเล่นเป็นทีมเยือนของ ‘เจ้าสัวน้อย’ ไม่ดีนักในซีซั่นนี้ โดย 6 นัดล่าสุดสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย โดยที่การคว้า 3 คะแนนนอกบ้านครั้งสุดของพวกเขาก็เกิดขึ้นที่ เมอร์ซีไซด์ ด้วยการบุกไปเฉือน ‘ท็อฟฟี่’ มาได้เมื่อเดือนสิงหาคม
คาดว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะเป็นฟากของ ‘หงส์แดง’ ที่จะทุบทีมเยือนไปได้อย่างสบาย ๆ ด้วยฟอร์มการเล่นใน แอนฟิลด์ ที่ชนะมา 6 รวดในฤดูกาลนี้ และเสียเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้นเองครับ
มาถึงคู่สุดท้ายและเป็นบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้กันครับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เตรียมเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม พบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งเป็น 2 ทีมที่เคยขึ้นไปอยู่บนยอดของตารางคะแนนมาแล้วด้วยกัน
เกมล่าสุด แมนฯ ซิตี้ เพิ่งพลิกกลับมาแซงชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ไปได้เมื่อคืนวันอังคาร หลังจากโดนนำไปก่อน 2 ประตู และด้วยการแก้เกมจากสมองเพชรของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ทำให้พวกเขาได้การันตีการเป็นแชมป์กลุ่มของ UCL ไปเป็นที่เรียบร้อย
ฟากของ ท็อตแน่ม ที่ทำสถิติไม่แพ้ใครมาได้ถึง 10 เกมติดต่อกัน และยังทำให้ อังเก้ ปอสเตโคกลู ก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมมาได้ถึง 3 หนรวด กลับกลายเป็นออกทะเลไปซะงั้น หลังจากที่แพ้มาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน และหล่นมาอยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาการบาดเจ็บของตัวผู้เล่น รวมถึงติดโทษแบนอีก ซึ่งต้องยอมรับว่าขุมกำลังของ สเปอร์ส นั้นยังดีไม่พอจริง ๆ หากจะต้องไปวัดกับทีมหัวตารางในระยะยาวแบบนี้
ก็คอยลุ้นกันว่า อังเก้ และลูกทีมจะช่วยกันพลิกสถานการณ์ให้กับ ‘ไก่เดือยทอง’ ได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นทาง ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่จะเดินหน้าทวงตำแหน่งจ่าฝูงกลับคืนมา รอชมกันได้ 5 ทุ่มครึ่งวันอาทิตย์ครับ
ทิ้งท้ายไว้อีกหน่อย สำหรับสัปดาห์นี้ พรีเมียร์ลีก จะมีโปรแกรมลงเล่นกันในช่วงกลางสัปดาห์นะครับ เริ่มตั้งแต่คืนวันอังคารไปจนถึงคืนวันพฤหัส แน่นอนว่าเตะดึกจบเช้าอ่ะครับ ใครที่จะรอดูก็อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วย อากาศเริ่มเย็นลงบ้างแล้ว แต่จะเย็นกันได้สักกี่วันนะ
เขียนโดย The Lite Team.