หลังจากนี้อีก 3-4 เกม ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะต้องเจอกับศึกหนักเริ่มต้นที่คู่แข่งแห่งยุคอย่าง ลิเวอร์พูล ต่อมาคือการเปิดบ้านพบ สเปอร์ส และปิดท้ายด้วยการบุกไปเยือน แอสตันวิลล่า เป็นศึกหนักที่บอกได้ตามตรงว่าคิดจะเป็นแชมป์ต้องเก็บชัยชนะให้ครบทั้ง 3 เกม และต้องไม่ควรเสียประตูง่ายๆเหมือนนัดเจอ เซลซีที่ผ่านมา

ในด้านของขุมกำลังที่ยังไม่พร้อมรบในขณะนี้ก็ต้องฝืนลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่า 2 ผู้เล่นที่ลงไม่ได้แน่นอนจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์ ที่ยังคงรักษาตัวเพื่อกลับมาช่วยทีมหลังจากปีใหม่นี้ ต่อมาคือ มัทเตโอ โควาซิซ ที่ก็ต้องพักรักษาตัวอย่างน้อย 1 เดือน ส่วนคนที่น่าจะได้ลุ้นในการลงเล่นก็คือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าตัวความหวังในการยิงประตู คนที่ 2 คือ โรดรี้ ที่มีอาการไม่ดีตอนไปรับใช้ทีมชาติ แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าตัวได้พักในเกมล่าสุด นาธาน อาเก้ อาจต้องลุ้นในการเรียกความฟิตเพื่อลงสนามเช่นเดียวกับ นูนเนส กองกลางชาวโปรตุเกส ที่ถอนตัวจากทีมชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามาดูผลการแข่งขันในการเจอกันของพรีเมียร์ลีกก็ต้องบอกว่า แมนเซสเตอร์ ซิตี้ เองก็ไม่ใช่งานง่ายของฝั่งตรงข้ามเท่าไร และยิ่งเมื่อได้เล่นในบ้านที่แข็งแกร่งแล้วงานนี้อาจได้ลุ้นมากกว่าที่หลายคนคิด เพราะครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล สามารถบุกมาชนะถึงถิ่นได้ต้องย้อนกลับไปปี 2015 หรือ 8 ปีที่แล้วเลยทีเดียว แม้ว่าฝั่งคู่แข่งจะมีนักเตะที่ฟอร์มสุดโหดอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็ตาม แต่ฝั่งเราเองก็ถือว่าอยู่ในการเล่นที่ดี ขออย่างเดียวแนวรับอย่าเล่นอะไรผิดพลาดจนทำให้เกมเปลี่ยนทั้งจุดโทษ และใบแดง 

ในฐานะแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ต้องบอกว่าไม่ใช่เกมที่ง่ายเลยในชั่วโมงนี้และยิ่งเป็นคู่แรกหลังจากกลับทีมชาติมาด้วย แต่จะเป็นเกมที่สนุกอย่างแน่นอนเพราะผู้จัดการทีมทั้ง 2 ฝั่งต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันอย่างดี ขอเป็นอีกเกมที่เราสามารถเก็บ 3 คะแนนได้ด้วยเถิด…