TOP 10 : สุดยอด ‘เพลย์เมคเกอร์’ ตลอดกาลศึก ‘พรีเมียร์ลีก’
ต้องยอมรับว่าสีสันอย่างหนึ่งของวงการลูกหนังที่ไม่เคยขาดหายไป คือบรรดานักเตะในตำแหน่ง ‘เพลย์เมคเกอร์’ ที่คอยขับเคลื่อนเกมรุกพาทีมทะลวงประตู และเรามาดูกันว่า 10 อันดับแรกของ พรีเมียร์ลีก จะมีใครกันบ้าง
10. จิอันฟรังโก้ โซล่า (Gianfranco Zola)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 229 นัด ยิง 59 ประตู จ่าย 42 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: เอฟเอคัพ x2, ลีกคัพ x1, ชาริตี้ ชิลด์ x1, ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล เชลซี x2, ทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
ย้อนเวลากลับไปในยุค 90 ไม่มีแฟนฟุตบอลคนไหนจะไม่รู้จักชายที่ชื่อว่า จิอันฟรังโก้ โซล่า โดยเขาเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของ ดิเอโก้ มาราโดน่า สมัยค้าแข้งร่วมกันที่ นาโปลี ก่อนจะมาประสบความสำเร็จต่อยอดกับ ปาร์ม่า
แต่ไม่น่าเชื่อว่าในปี 1996 โซล่า จะเก็บกระเป๋าย้ายมาค้าแข้งในแดนผู้ดี ที่ตอนนั้นระดับของลีกยังเป็นรองฝั่ง อิตาลี อยู่หลายขุม และบุรุษผู้มีส่วนสูงเพียง 168 เซนติเมตร ก็ได้สั่งสอนให้วงการลูกหนังอังกฤษรับรู้ว่า ฟุตบอลไม่จำเป็นต้องใช้แต่พละกำลังเสมอไป การันตีด้วยความสำเร็จในการพา เชลซี เป็น ‘ราชาบอลถ้วย’ ในยุคสมัยของเขา
9. ดาบิด ซิลบา (David Silva)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 309 นัด ยิง 60 ประตู จ่าย 93 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x4, เอฟเอคัพ x2, ลีกคัพ x5, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x2
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ x2, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x3
แข้งทีมชาติสเปนรายนี้ย้ายมาพร้อมกับดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 ในวันที่ ‘เรือใบสีฟ้า’ ยังตามหาถ้วยใบแรกไม่เจอ แต่ว่าเพียงแค่ขวบปีแรก เขาก็พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ก่อนที่ปีต่อมา จะได้ชูโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี
หลังจากนั้นเขายังคงพาทีมครองความยิ่งใหญ่ตลอด 10 ปี และแม้ว่าสโมสรแห่งนี้จะไม่ได้มีเรื่องราวเล่าขานที่ยาวนาน แต่การที่หน้าสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม มีรูปปั้นเขาอยู่ ก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่า ซิลบา คือผู้เริ่มจารึกประวัติศาสตร์ให้กับทีมนี้
8. เชส ฟาเบรกาส (Cesc Fàbregas)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 350 นัด ยิง 50 ประตู จ่าย 111 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล, เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอคัพ x2, ลีกคัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล อาร์เซนอล x2, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2
กาลครั้งหนึ่ง มีดาวรุ่งจากแคว้นคาตาลัน ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล ครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี 177 วัน เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2003 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในฤดูกาลถัดมา และเป็นผู้นำอย่างยอดเยี่ยม จนได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมในวัย 21 ปี
อย่างไรก็ตาม ฟาเบรกาส เก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิดที่ บาร์เซโลน่า แต่จนแล้วจนรอดเส้นทางอาชีพ ก็ทำให้กลับมาอยู่ในกรุงลอนดอนอีกครั้ง แต่เป็นกับสโมสรเชลซี ซึ่งถึงแม้ว่าจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับสาวก ‘ปืนใหญ่’ แต่การจ่ายบอลระดับมาสเตอร์คลาสจนพา ‘สิงห์บลู’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัย ก็เพียงพอต่อการถูกยกย่องโดยแฟนบอลฝั่งน้ำเงิน ที่กำลังโหยหาอดีตอยู่ในเวลานี้
7. เดนนิส เบิร์กแคมป์(Dennis Bergkamp)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 315 นัด ยิง 87 ประตู จ่าย 94 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอคัพ x4, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x3
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1, ประตูยอดเยี่ยม บีบีซี x2, ทีมยอดเยี่ยมฟีฟ่า x1
ถ้าจะพูดถึงลูกยิงที่มีคลาสมากสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เชื่อเหลือเกินว่าลูกยิงที่ เดนนิส เบิร์คแคมป์ แตะบอลหมุนตัวเข้าไปแปเล่นทางในเกมกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาล 2001/02 จะต้องติดอยู่เป็น 1 ใน 3 ของทุกคนอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ชั้นเชิงในการเล่นอันสง่างาม ผสานกับเสื้อหมายเลข 10 บนแผ่นหลัง ประสานงานกับ เธียร์รี่ อองรี จนพา อาร์เซนอล เป็นแชมป์แบบไร้พ่ายเมื่อปี 2004 แต่น่าเสียดายที่เขามีปัญหาด้านการกลัวเครื่องบิน จนอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่มีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าของฉายา ‘ไอซ์เบิร์ก’ จะพา ‘ปืนใหญ่’ ประสบความสำเร็จใน แชมเปียนส์ ลีก ได้ขนาดไหน
6. ยาย่า ตูเร่(Yaya Touré)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 230 นัด ยิง 62 ประตู จ่าย 32 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอคัพ x1, ลีก คัพ x2, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x1, แอฟริกัน เนชั่น คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ x1, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2
ทุกครั้งเวลาพูดถึงกองกลางผิวสีจากทวีปแอฟริกา หลายคนอาจต้องคิดว่าเขาคนนั้นจะต้องเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ แต่กับ ยาย่า ตูเร่ แล้วนั้นไม่ใช่เลย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ตั้งแต่สมัยยังเป็นดาวรุ่งที่ บาร์เซโลน่า ก็ตาม
ตูเร่ ย้ายมาอยู่กับ ‘เรือใบสีฟ้า’ ตั้งแต่ปี 2010 และเป็นผู้ขับเคลื่อนเกม ด้วยความแข็งแกร่ง แย่งยาก จนพาทีมคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก สมัยแรกในปี 2012 ได้สำเร็จ และกลายเป็นหนึ่งในแข้งขวัญใจแฟนบอลที่จะติดโผอยู่ในทุกอันดับยอดมิดฟิลด์อยู่เสมอ ซึ่งหากจะมีใครสักคนที่ไม่กดโหวต เห็นจะมีเพียง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คนเดียวเท่านั้น
5. เมซุต โอซิล(Mesut Özil)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 184 นัด ยิง 33 ประตู จ่าย 54 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: เอฟเอคัพ x4, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x1, ฟุตบอลโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาล อาร์เซนอล x1, แอสซิสต์มากสุดต่อฤดูกาล x1
โอซิล สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในคู่ขาผู้ถวายพานให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมัยยังใส่เสื้อสีขาวที่ เรอัล มาดริด แต่ไม่น่าเชื่อว่าในวัย 25 ปี เขาจะย้ายมาอยู่กับ อาร์เซนอล ในยุคปลายของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ห่างไกลกับความสำเร็จ ณ เวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้แววตาที่ดูเหมือนคนขี้เกียจทำอะไรในชีวิต เขากลับสร้างสรรค์เกมได้อย่างตระการตา แบบที่หาได้ยากในฟุตบอลสมัยใหม่ จนถึงกับได้รับการยอมรับว่า นี่คือนักเตะแบบฉบับหมายเลข 10 แท้ๆ คนสุดท้ายของวงการลูกหนังโลก และยังกวาดแชมป์ เอฟเอคัพ ไป 4 สมัย อย่างกับเกิดมาเพื่อถ้วยนี้
4. แฟรงค์ แลมพาร์ด(Frank Lampard)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 609 นัด ยิง 177 ประตู จ่าย 102 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอคัพ x4, ลีกคัพ x2, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x2, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลเชลซี x3, ผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x1, ทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
เชื่อว่าแฟนบอลในยุค 2000 ต่างจดจำชื่อของชายผู้นี้ได้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าเขาลงสนามในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 1996/97 กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวัย 18 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในซัมเมอร์ 2001 และที่นี่เองคือสโมสรซึ่งเขาได้จารึกประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง
แลมพาร์ด ลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัดในฤดูกาล 2004/05 ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ พาทีมเถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 50 ปี และจากประตูทั้งหมดที่เขายิงได้ตลอดอาชีพการค้าแข้ง ซึ่งนับได้ว่าเป็นมิดฟิลด์ที่ซัลโวได้มากที่สุดในแดนผู้ดี จึงไม่จำเป็นต้องมีคำถามอีกต่อไปว่า ใครคือกองกลางหมายเลขหนึ่งของทีมชาติอังกฤษในยุคมิลลิเนียม
3. สตีเว่น เจอร์ราร์ด(Steven Gerrard)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 504 นัด ยิง 120 ประตู จ่าย 92 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: เอฟเอคัพ x2, ลีกคัพ x3, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ลิเวอร์พูล x4, ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x8, ทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
มี แลมพาร์ด แล้ว จะไม่มีชื่อคนนี้คงไม่ได้ เพราะหากจะพูดถึงคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยง ไม่ว่าจะด้วยสไตล์การเล่น หรือแม้แต่หมายเลข 8 บนแผ่นหลังในนามสโมสร นี่คือคู่ที่สมศักดิ์ศรีมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่ความสำเร็จนั้นห่างกันอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่า ถ้าหาก เจอร์ราร์ด เลือกเดินจาก ลิเวอร์พูล ไปเล่นให้กับสโมสรอื่น เขาคงมีเกียรติยศประดับฝาบ้านมากกว่านี้ แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือการเป็นขวัญใจอันดับหนึ่งตลอดกาลของสาวก ‘หงส์แดง’ ด้วยความจงรักภักดี และเชื่อเหลือเกินว่า ต่อให้ชายผู้นี้จะลื่นล้มอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มี เดอะ ค็อป คนไหนจะโทษเขาได้ลง
2. เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 243 นัด ยิง 64 ประตู จ่าย 102 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x5, เอฟเอคัพ x2, ลีกคัพ x5, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ x4, ทีมยอดเยี่ยมประจำซีซั่นพรีเมียร์ลีก x5, ผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2
หากจะถามว่าใครคือจอมแอสซิสต์ที่เจ๋งที่สุดในโลกตอนนี้ คงจะหนีไม่พ้น เควิน เดอ บรอยน์ ที่พร้อมจะใส่พานทองฝังเพชร ให้กับบรรดาแนวรุกถล่มประตู นี่ขนาดว่าก่อนหน้านี้ทีมเต็มไปด้วยนักเตะจังหวะนรกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง หรือ กาเบรียล เฮซุส เขายังสร้างพิษสงให้กับบรรดากองหลังได้มากขนาดนี้
เมื่อโคจรมาพบกับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เครื่องจักรถล่มตาข่าย สิ่งที่เกิดขึ้นทันที คือการขึ้นมาทาบสถิติจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้สำเร็จเทียบเท่ากับ เธียร์รี่ อองรี ที่ทำเอาไว้เมื่อฤดูกาล 2002/03 จำนวน 20 ประตู แต่น่าเสียดายที่เขามีอาการบาดเจ็บอยู่ในขณะนี้ อดใจรอสักประเดี๋ยว ลูกจ่ายเหนือความคาดหมายจะกลับมาสู่สายตาท่านในอีกไม่ช้า
1. พอล สโคลส์(Paul Scholes)
สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 499 นัด ยิง 107 ประตู จ่าย 55แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x11, เอฟเอคัพ x3, ลีก คัพ x2, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ x5, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x2
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x2, ทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก
แม้ว่าตำนาน ‘ปีศาจแดง’ จะถ่อมตัวยกย่องว่า “เขาไม่สามารถทำแบบ เจอร์ราร์ด ได้ที่ ลิเวอร์พูล” แต่กับความสำเร็จทั้งหมด ที่เอานิ้วมือ นิ้วเท้า มาช่วยกันนับก็ยังไม่พอ ก็ดูจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดว่า ทำไมเขาถึงเป็นสุดยอด เพลย์เมคเกอร์ ที่ดีที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก
หนำซ้ำ แม้แต่วันที่ประกาศแขวนสตั๊ดไปแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ ยังต้องตามให้กลับมาเตะฟุตบอลอีกครั้ง
หรือแม้แต่ตำนานลูกหนังอย่าง ชาบี้ เฮอร์นันเดซ ยังเคยออกมาบอกว่า “ที่สโมสรบาร์เซโลน่า เราศึกษาวิธีการเล่นจาก พอล สโคลส์” ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสามารถทั้งหมดที่เขามี และดีไม่ดี เผลอๆแฟนผี อาจอยากเห็นชายวัย 48 ปีรายนี้ ลงสนามก่อน เมสัน เมาท์ หรือ สก็อต แม็คโทมิเนย์ ด้วยซ้ำไป
เขียนโดย The Lite Team.