แน่นอน มาโน่ โพลกิ้ง เรียกผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด ชุดที่เขาต้องการมากที่สุด เข้ามาติดทีมชาติชุดนี้ ไม่เหมือนในโปรแกรมอุ่นเครื่องรอบที่ผ่านๆ มา ที่มีทั้งการผสมผสานดาวรุ่ง หรือนักเตะที่ฟอร์มกำลังดี รวมถึงการไม่เรียกนักเตะจากสโมสรที่ต้องไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือคนที่เล่นอยู่ในลีกต่างประเทศ 

ไล่เรียงนักฟุตบอลที่ติด ‘ช้างศึก’ ชุดส่งท้ายปีโดยจะเป็นการเรียก 26 คน ก่อนจะตัดออกไปให้เหลือ 23 คนสุดท้ายต่อไป ในตำแหน่งผู้รักษาประตู กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, สรานนท์ อนุอินทร์  และปฏิวัติ คำไหม แน่นอนในตำแหน่งนี้ดูจะถูกใจแฟนบอล เพราะทั้ง 3 คนฟอร์มดีกับต้นสังกัด และยิ่งในรายของ กัมพล ที่โชว์เซฟกระจายในเกมกับ เอสโตเนีย และจอร์เจีย ดูจะเป็นมือหนึ่งในทีมชาติชุดนี้ 

กองหลังประกอบด้วย ธีราทร บุญมาทัน, พรรษา เหมวิบูลย์, เควิน ดีรมรัมย์, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, เฉลิมศักดิ์ อักขี, นิติพงษ์ เสลานนท์, มานูเอล ทอม เบียห์ร, สุพรรณ ทองสงค์, เอเลียส ดอเลาะ, กฤษดา กาแมน และทริสตอง โด ที่น่าแปลกใจเล็กน้อยคือการมีชื่ออีกครั้งของ เควิน เพราะปกติเขามักจะถอนตัวจากทีมชาติไทย โดยอ้างว่าไม่ฟิต หรือมีอาการบาดเจ็บ แต่ในครั้งนี้เจ้าตัวยืนยันว่าพร้อมเต็มร้อย บวกกับฟอร์มในไทยลีก น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นคนสำคัญของทีม ในตำแหน่งกองหลังที่น่าเสียดายที่สุดคือ นิโคลัส มิคเกลสัน ที่มีอาการบาดเจ็บจนไม่มีชื่อติดมาในชุดนี้ 

คาดว่าในผู้เล่นเกมรับ น่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งคนถูกตัดชื่ออกไป อาจจะเป็นในรายของ ทริสตอง โด ที่มีโอกาสหลุดออกจากชุดนี้สูง 

ตำแหน่งกองกลางก็มีชื่อตัวหลักอย่างครบครัน สารัช อยู่เย็น, ชนาธิป สรงกระสินธ์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ปกเกล้า อนันต์, บดินทร์ ผาลา และสองนักเตะจากเจลีก เอกนิษฐ์ ปัญญา กับสุภโชค สารชาติ โดยมีการถอนตัวของ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ที่มีอาการบาดเจ็บ และเรียก ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว 

กองกลางอาจจะเรียกได้ว่าคงไม่มีใครที่ดีกว่านี้แล้ว บางคนในสโมสรอาจจะผลงานตกลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยก็คนจะไว้วางใจได้ทั้งหมด ในตำแหน่งนี้อาจจะโดยตัดชื่อ 1-2 คน ที่แน่ๆ อาจจะเป็นในรายของ ชาญณรงค์ ที่เพิ่งมาเสริมทัพ กับอีกรายอาจจะเป็น พิธิวัตต์ ที่ฟอร์มเก่งกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หายไป และถูกโยกไปเล่นตำแหน่งริมเส้นอย่าง วิงแบ็คบ่อยครั้ง

ตำแหน่งกองหน้า ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่สุดของทีมชาติไทย ชุดนี้ มาโน่ เรียก ธีรศิลป์ แดงดา, ศุภชัย ใจเด็ด และศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เข้าสู่ทีม หากดูแค่ชื่อชั้นทั้ง 3 คนคือตัวเลือกอันดันต้นๆ อย่างแน่นอน แต่หากไปดูในรายละเอียดการลงสนามในฤดูกาลนี้ ก็ต้องบอกว่าน่าคิด ธีรศิลป์ ที่เจออาการบาดเจ็บเล่นงาน จนไม่ได้ลงฝึกซ้อมกับสโมสรเลยตั้งแต่เดือนกันยายน จนโค้ชธง บอกอย่างงงๆ ว่า ‘มุ้ย’ ติดทีมชาติได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้ซ้อมกับสโมสร ส่วนทาง มาโน่ ก็ระบุว่า ‘มุ้ย’ คือผู้เล่นคนสำคัญไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกสนาม ถ้าเขาลงได้ 10 นาทีก็สามารถเปลี่ยนเกมได้แล้ว จึงเรียกติดทีมชาติไทย 

อีกรายอย่าง ศุภชัย ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน และปืนฝืดอย่างหนัก หลังยิงไปได้เพียง 2 ประตูจากการลงสนาม 12 นัดในทุกรายการ ซึ่งเทียบกับในฤดูกาลที่แล้ว ‘เจ้าอาร์ม’ ยิงไปถึง 23 ประตูอีก 7 แอสซิสต์ ให้กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรายสุดท้าย ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บ กลับมามีชื่อกับ โอเอช ลูเวิ่น ในลีกเบลเยี่ยม เจ้าตัวอยู่ในช่วงปรับตัว ทำให้โอกาสลงสนามค่อนข้างนอก แต่อาจจะดูดีที่สุดในแนวรุกทีมชาติไทยชุดนี้ 

นอกจากเรื่องในสนามแล้ว เรื่องนอกสนามของเหล่าแข้งทีมชาติไทยก็สนุก และน่าสนใจอยู่ กับการพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และความมู จนหลายเรื่องเป็นเรื่องน่าตลกไป เช่นมีการแต่งตั้งกัปตันทีม 2 คนได้แก่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน ทำหน้าที่กัปตันทีมร่วมกัน คนละ 1 นัด รวมถึงล่าสุดก็ยกพลทั้งทีมงาน และนักเตะไปกราบนมัสการ เจ้าคุณธงชัย เอาฤกษ์เอาชัยก่อนคัดบอลโลก 

แน่นอนทั้งหมดนี้ก็คงนี้ไม่พ้น นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ที่เป็นคนจัดการต่างๆ เพราะอย่างที่บอกไปว่า โปรแกรมคัดฟุตบอลโลกรอบนี้ เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นต้องมีที่พึ่งทั้งทางกาย และทางใจ 

แต่บางเรื่องก็ทำให้ ทีมชาติไทย ดูไม่เป็นมืออาชีพ 

ฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดทำศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ลงฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมก่อนปะทะ จีน และ สิงคโปร์ วันที่ 16 และ 21 พ.ย.นี้

เขียนโดย The Lite Team.